ที่ได้มีโอกาสเป็นผู้ถ่ายทอดเพลงพระราชนิพนธ์ ในนิทรรศการ "พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งแผ่นดิน" เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทั้งหมด 9 บทเพลง ได้แก่ ชะตาชีวิต, ใกล้รุ่ง, ยามเย็น, สายฝน, oh i say, แสงเทียน, อาทิตย์อับแสง, Still on My Mind และ แสงเดือน
"การได้แสดงเพลงพระราชนิพนธ์ในครั้งนี้ ความรู้สึกไม่เหมือนที่เคย ก่อนหน้านี้เราเล่นด้วยความผ่อนคลายและอิ่มใจ แต่ครั้งนี้มันบอกไม่ถูกรู้สึกเหมือนในใจมันหนัก ๆ จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก เหมือนมีบางอย่างแน่นจุกในอก แต่ก็ต้องคุมความรู้สึกให้ได้ เพื่อให้คนที่ฟังไม่รู้สึกเศร้า ผมอยากให้คนที่ได้ฟังเพลงของพ่อหลวงรู้สึกมีกำลังใจ และยิ้มไปกับเพลงที่พ่อแต่ง ผมคิดว่าท่านคงอยากเห็นลูก ๆ ของท่านเข้มแข็ง และก้าวต่อไปด้วยพลังใจที่ดีมากกว่าที่จะเศร้าหรือหดหู่"
"ถามว่าผมกดดันไหมก่อนจะถึงวันงาน ผมค่อนข้างกังวลเพราะกลัวจะถ่ายทอดออกมาได้ไม่ดีพอ ก็เลยฟังและซ้อมเยอะมาก ๆ"
"ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุด ที่ได้ร้องเพลงที่พ่อแต่ง เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ นอกจากผมแล้วยังมีโมชิเพื่อนในวง (โมชิ เปียโน วง HOMeRUN) อีกคนหนึ่งที่มาร่วมเล่นเพลงในครั้งนี้ด้วย ซึ่งความรู้สึกของโมชิก็ไม่ได้ต่างกัน"
"ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุด ที่ได้ร้องเพลงที่พ่อแต่ง เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ นอกจากผมแล้วยังมีโมชิเพื่อนในวง (โมชิ เปียโน วง HOMeRUN) อีกคนหนึ่งที่มาร่วมเล่นเพลงในครั้งนี้ด้วย ซึ่งความรู้สึกของโมชิก็ไม่ได้ต่างกัน"
"หลังจากเล่นเสร็จผมได้ไปเดินดูนิทรรศการที่แสดงภาพต่าง ๆ ของพระองค์
ในขณะที่เดินดูอยู่นั้นก็เกิดความคิดที่ว่าพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้คนไทยได้ในทุกทางจริง
ๆ พระองค์เป็นตัวอย่างของลูกกตัญญู เป็นนักกีฬา เป็นนักประดิษฐ์
เป็นนักดนตรี และที่สำคัญเป็นพ่อที่ลูกทั้งแผ่นดินเทิดไว้เหนือเกล้า"