อารีธา แฟรงคลิน ราชินีเพลงโซลชาวอเมริกัน เสียชีวิตจากไปด้วยโรคมะเร็ง ในวัย 76 ปี ด้านศิลปินคนดังทั่วโลกร่วมไว้อาลัยแก่นักร้องระดับตำนาน ผู้เป็นแรงบันดาลใจแก่ทุกคน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Aretha Franklin
วันที่ 17 สิงหาคม 2561 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า อารีธา แฟรงคลิน (Aretha Franklin) นักร้องเสียงทรงพลัง เจ้าของฉายา ราชินีแห่งเพลงโซล (Queen of Soul) ได้เสียชีวิตจากไปด้วย วัย 76 ปี หลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งตับอ่อน ชนิดนิวโรเอ็นโดคราย และปัญหาสุขภาพรุมเร้ามานานร่วม 8 ปี
โดยครอบครัวของเธอได้ออกแถลงการณ์ถึงการสูญเสียครั้งนี้ว่า "ครอบครัวได้สูญเสียก้อนหินอันแข็งแกร่งผู้เป็นที่รักไป ไม่สิ่งใดสามารถขวางกั้นความรักที่เธอมีต่อลูก หลาน ลูกพี่ลูกน้อง และญาติสนิทได้ มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต และไม่สามารถสรรหาถ้อยคำใด ๆ มาอธิบายถึงความเจ็บปวดที่อยู่ในใจพวกเราได้เลย"
ภาพจาก KEVIN WINTER / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / AFP
อารีธา แฟรงคลิน เกิดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2485 ที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ด้วยความที่บิดาของเธอคือบาทหลวง และมารดาของเธอคือนักเปียโน-นักร้องเพลงประสานเสียง เธอจึงเติบโตขึ้นมาท่ามกลางเสียงเพลงประสานเสียงในโบสถ์บับติสท์ และได้รับการฝึกฝนให้ร้องเพลงมาโดยตลอด
อารีธาเริ่มเข้าสู่วงการเสียงเพลงตั้งแต่ตอนที่เธอยังเป็นเด็กสาววัยรุ่น เส้นทางการเป็นนักร้องของเธอก็ไม่ได้ง่ายดายนัก เนื่องจากต้นสังกัดไม่สามารถจับทิศทางที่เหมาะสมกับเธอได้
แต่เมื่ออารีธาย้ายไปเป็นนักร้องในสังกัด Atlantic Records ในปี 2509 ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพลง Respect ที่เธอขับร้องได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงดังของยุคนั้น เพลงนี้พุ่งทะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งของชาร์ตเพลงสหรัฐฯ และมันทำให้อารีธาสามารถคว้ารางวัลแกรมมี่ (Grammy) มาครองได้ถึง 2 รางวัล
ภายในระยะเวลาแค่ 2 ปี ชื่อเสียงของนักร้องสาวคนนี้ก็เป็นที่โด่งดังไปทั่วสหรัฐฯ และยุโรป อารีธาได้รับขนานนามว่าเป็น เลดี้โซล (Lady Soul) ได้ขึ้นปกนิตยสาร Time เธอได้รับรางวัลจาก มาร์ติน ลูเธอร์คิง และเธอก็กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวผิวสี
กว่า 6 ทศวรรษที่อารีธาโลดแล่นอยู่ในวงการเพลงนั้น เธอได้สร้างปรากฏการณ์มากมายและกลายเป็นแบบอย่างสำคัญของนักร้องชื่อดังหลายต่อหลายคน น้ำเสียงอันทรงพลังและเป็นเอกลักษณ์ของเธอนั้นยากที่จะหาใครมาเปรียบเทียบได้ เธอได้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตร่วมกับศิลปินดังในแต่ละยุคมาแล้วนับไม่ถ้วน เธอได้ออกเพลงดังมามากมาย อาทิ (You Make Me Feel Like) A Natural Woman, Chain of Fools, Think, I Knew You Were Waiting (For Me), I Say A Little Prayer และ I Never Loved a Man (The Way I loved You) และเธอก็สามารถคว้ารางวัลแกรมมี่ได้มากถึง 18 รางวัล
ภาพจาก Mark RALSTON / AFP
การจากไปของอารีธาได้สร้างความเศร้าโศกให้แก่วงการเพลงเป็นอย่างมาก เหล่าบุคคลสำคัญ ศิลปินคนดังและแฟน ๆ จากทั่วโลกได้ออกมาไว้อาลัยให้กับเธอ
โดย นายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้เป็นแฟนเพลงของอารีธามาโดยตลอด และได้เชิญเธอมาร้องเพลงในวันสาบานรับตำแหน่งประธานาธิบดี ได้กล่าวว่า อารีธาเปรียบเสมือนตัวแทนของประวัติศาสตร์อเมริกัน และทุก ๆ คนสามารถสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างผ่านบทเพลงของเธอ
"อารีธาคือสัญลักษณ์แห่งความเป็นอเมริกันชน เราสามารถสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์ทุก ๆ อย่างของพวกเราผ่านทางเสียงเพลงของเธอ ทั้งความเข้มแข็งและความเจ็บปวด ช่วงเวลาที่มืดมนและช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ รวมทั้งการเรียกร้องอิสรภาพและชัยชนะอันยากลำบากของเรา ขอให้ราชินีแห่งเพลงโซล จงหลับใหลในดินแดนอันเป็นนิรันดร์"
ทางด้าน อะเดล (Adele) ได้กล่าวไว้อาลัยถึงนักร้องในดวงใจของเธอว่า "ไม่มีวันไหนในชีวิตของฉัน ที่ดำเนินไปโดยไร้ซึ่งเสียงเพลงของอารีธา แฟรงคลิน บทเพลงของเธอได้เติมเต็มความสุขล้น และความโศกเศร้าลงในหัวใจของฉัน เมื่อสตรีผู้นี้ได้จากไป หัวใจของฉันแตกสลาย ขอขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างค่ะ"
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Aretha Franklin
วันที่ 17 สิงหาคม 2561 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า อารีธา แฟรงคลิน (Aretha Franklin) นักร้องเสียงทรงพลัง เจ้าของฉายา ราชินีแห่งเพลงโซล (Queen of Soul) ได้เสียชีวิตจากไปด้วย วัย 76 ปี หลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งตับอ่อน ชนิดนิวโรเอ็นโดคราย และปัญหาสุขภาพรุมเร้ามานานร่วม 8 ปี
โดยครอบครัวของเธอได้ออกแถลงการณ์ถึงการสูญเสียครั้งนี้ว่า "ครอบครัวได้สูญเสียก้อนหินอันแข็งแกร่งผู้เป็นที่รักไป ไม่สิ่งใดสามารถขวางกั้นความรักที่เธอมีต่อลูก หลาน ลูกพี่ลูกน้อง และญาติสนิทได้ มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต และไม่สามารถสรรหาถ้อยคำใด ๆ มาอธิบายถึงความเจ็บปวดที่อยู่ในใจพวกเราได้เลย"
ภาพจาก KEVIN WINTER / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / AFP
อารีธา แฟรงคลิน เกิดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2485 ที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ด้วยความที่บิดาของเธอคือบาทหลวง และมารดาของเธอคือนักเปียโน-นักร้องเพลงประสานเสียง เธอจึงเติบโตขึ้นมาท่ามกลางเสียงเพลงประสานเสียงในโบสถ์บับติสท์ และได้รับการฝึกฝนให้ร้องเพลงมาโดยตลอด
อารีธาเริ่มเข้าสู่วงการเสียงเพลงตั้งแต่ตอนที่เธอยังเป็นเด็กสาววัยรุ่น เส้นทางการเป็นนักร้องของเธอก็ไม่ได้ง่ายดายนัก เนื่องจากต้นสังกัดไม่สามารถจับทิศทางที่เหมาะสมกับเธอได้
แต่เมื่ออารีธาย้ายไปเป็นนักร้องในสังกัด Atlantic Records ในปี 2509 ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพลง Respect ที่เธอขับร้องได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงดังของยุคนั้น เพลงนี้พุ่งทะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งของชาร์ตเพลงสหรัฐฯ และมันทำให้อารีธาสามารถคว้ารางวัลแกรมมี่ (Grammy) มาครองได้ถึง 2 รางวัล
ภายในระยะเวลาแค่ 2 ปี ชื่อเสียงของนักร้องสาวคนนี้ก็เป็นที่โด่งดังไปทั่วสหรัฐฯ และยุโรป อารีธาได้รับขนานนามว่าเป็น เลดี้โซล (Lady Soul) ได้ขึ้นปกนิตยสาร Time เธอได้รับรางวัลจาก มาร์ติน ลูเธอร์คิง และเธอก็กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวผิวสี
กว่า 6 ทศวรรษที่อารีธาโลดแล่นอยู่ในวงการเพลงนั้น เธอได้สร้างปรากฏการณ์มากมายและกลายเป็นแบบอย่างสำคัญของนักร้องชื่อดังหลายต่อหลายคน น้ำเสียงอันทรงพลังและเป็นเอกลักษณ์ของเธอนั้นยากที่จะหาใครมาเปรียบเทียบได้ เธอได้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตร่วมกับศิลปินดังในแต่ละยุคมาแล้วนับไม่ถ้วน เธอได้ออกเพลงดังมามากมาย อาทิ (You Make Me Feel Like) A Natural Woman, Chain of Fools, Think, I Knew You Were Waiting (For Me), I Say A Little Prayer และ I Never Loved a Man (The Way I loved You) และเธอก็สามารถคว้ารางวัลแกรมมี่ได้มากถึง 18 รางวัล
ภาพจาก Mark RALSTON / AFP
การจากไปของอารีธาได้สร้างความเศร้าโศกให้แก่วงการเพลงเป็นอย่างมาก เหล่าบุคคลสำคัญ ศิลปินคนดังและแฟน ๆ จากทั่วโลกได้ออกมาไว้อาลัยให้กับเธอ
โดย นายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้เป็นแฟนเพลงของอารีธามาโดยตลอด และได้เชิญเธอมาร้องเพลงในวันสาบานรับตำแหน่งประธานาธิบดี ได้กล่าวว่า อารีธาเปรียบเสมือนตัวแทนของประวัติศาสตร์อเมริกัน และทุก ๆ คนสามารถสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างผ่านบทเพลงของเธอ
"อารีธาคือสัญลักษณ์แห่งความเป็นอเมริกันชน เราสามารถสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์ทุก ๆ อย่างของพวกเราผ่านทางเสียงเพลงของเธอ ทั้งความเข้มแข็งและความเจ็บปวด ช่วงเวลาที่มืดมนและช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ รวมทั้งการเรียกร้องอิสรภาพและชัยชนะอันยากลำบากของเรา ขอให้ราชินีแห่งเพลงโซล จงหลับใหลในดินแดนอันเป็นนิรันดร์"
ทางด้าน อะเดล (Adele) ได้กล่าวไว้อาลัยถึงนักร้องในดวงใจของเธอว่า "ไม่มีวันไหนในชีวิตของฉัน ที่ดำเนินไปโดยไร้ซึ่งเสียงเพลงของอารีธา แฟรงคลิน บทเพลงของเธอได้เติมเต็มความสุขล้น และความโศกเศร้าลงในหัวใจของฉัน เมื่อสตรีผู้นี้ได้จากไป หัวใจของฉันแตกสลาย ขอขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างค่ะ"
ขณะที่ เซอร์พอล แม็คคาร์ทนีย์ (Sir Paul McCartney) นักร้องระดับตำนานแห่งวง เดอะ บีทเทิลส์ (The Beatles) กล่าวว่า "พวกเราจงใช้เวลาในช่วงนี้ เพื่อขอบคุณชีวิตอันสวยงามของ อารีธา แฟรงคลิน ราชินีแห่งจิตวิญญาณของพวกเรา ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเรามาตลอดหลายปี แม้ว่าเธอจะจากไปแล้ว แต่ความยิ่งใหญ่ของเธอในฐานะศิลปิน จะยังคงอยู่กับเราตลอดไป รัก จากพอล"