จิตแพทย์เด็กโพสต์ยาวติงพิธีกร The Mask Singer เล่นมุกคุมคามทางเพศโจ่งแจ้งกลางรายการ ชี้เด็กดูเยอะ หวั่นเป็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสม
ประกาศแชมป์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ซีซั่น 2 ซึ่งในวีคนี้เป็นคิวของ หน้ากากเสือจากัวร์ ที่พ่ายแพ้ไปและต้องถูกถอดหน้ากาก ซึ่งนักร้องเสียงดีที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นก็คือ บี พีระพัฒน์ นั่นเอง
แต่งานนี้กลับมีประเด็นดราม่าเมื่อล่าสุด (10 สิงหาคม 250) ในเพจเฟซบุ๊ก เข็นเด็กขึ้นภูเขา ซึ่งเป็นเพจของจิตแพทย์เด็ก ก็ได้ออกมาโพสต์ร่ายยาวติงพิธีกรรายการอย่าง ตั๊ก ศิริพร และ ซาร่า AF ที่เล่นมุกที่ดูเป็นการคุกคามทางเพศอย่างโจ่งแจ้งกลางรายการ โดยเป็นช่วงที่ ซาร่า ล้วงเสื้อเกราะเข้าไปจับหน้าอกของหน้ากากเสือจากัวร์ แล้ว ตั๊กบอกซาร่าว่า ลองดูสิเสือมีหางไหม ว่าถึงจากัวร์จะเป็นผู้ชายก็ตาม แม้เขาจะรู้สึกไม่เป็นไรแต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควร เพราะรายการนี้เด็กดูเยอะ ควรเป็นรายการสำหรับครอบครัว จึงอยากให้ผู้ดำเนินรายการระมัดระวังบ้าง เพราะหวั่นว่าจะเป็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสม และเด็ก ๆ ที่ดู อาจจะคิดไม่ได้ว่าการกระทำนั้นผิด จึงอยากให้ผู้ใหญ่ที่ดูอยู่ด้วยคอยชี้แนะว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งไม่เหมาะสม
โดยข้อความทั้งหมดมีดังนี้
ถึงจากัวร์จะเป็นผู้ชายก็ตาม แม้เขาจะรู้สึกไม่เป็นไร ก็ไม่ควร (หรือเขาอาจจะรู้สึก แต่บางทีเขาก็คิดว่าคงต้องยอม ๆ ไปให้คนจับและพูดแบบนั้นใส่เพราะตัวเองเป็นผู้ชาย เพราะคนส่วนใหญ่หัวเราะกับโมเมนต์นั้น) ไม่ใช่ว่าจากัวร์เป็นผู้ชาย แล้วผู้หญิงจะทำแบบนี้กับผู้ชายได้ คำพูดของตั๊กเช่นกัน จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็เหมือนกันนั่นแหละ มันไม่เหมาะทั้งนั้น
รายการนี้เด็ก ๆ ดูกันมาก ดูแล้วสบายใจ ฟังเพลงแล้วมีความสุข มันควรเป็นรายการของครอบครัว ถึงไม่ต้องมีอะไรแบบนี้ คนก็คงดูกันเยอะอยู่แล้ว ถ้าเด็กผู้ชายดู เขาอาจจะเรียนรู้ว่า ถ้าเขาเป็นผู้ชาย เขาต้องยอมให้ผู้หญิงคนไหนจับร่างกายตัวเองหรือพูดจาแทะโลมแบบนั้น ไม่น่าจะใช่นะคะ แถมคนก็หัวเราะกันด้วย บางคนบอกว่า อาจจะเป็นการเตรียมกันมาแล้วให้ทำแบบนี้ พูดแบบนั้น รายการจะได้สนุกสนาน ก็ไม่สมควร
พฤติกรรมและคำพูดที่เกิดขึ้นถือเป็น Sexual Harassment (การคุกคามทางเพศ) อย่างหนึ่ง ตรงนี้ไม่ได้จำกัดเพศ ผู้ถูกกระทำอาจจะเป็นได้ทั้งชายหรือหญิง แต่คนไทยบางส่วนทำกันเป็นเรื่องธรรมดาและขบขันโดยเฉพาะในสื่อ หรือการแสดงบนเวทีต่าง ๆ สังคมไทยเห็นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ในสื่อต่าง ๆ มาตั้งแต่จำความได้ ไม่รู้ว่ามันเป็นธรรมชาติ หรือมันเป็นเพราะการปลูกฝังที่ผ่าน ๆ กันมา
ยกตัวอย่างเวลาดูรายการทีวี มุกตลกทางเพศแบบนี้ หรืออาจเป็นการแสดงออกถึงการหยามเหยียดคนรอบข้าง เช่น \'อ้วน\' \'ดำ\' \'เตี้ย\' \'โง่\' หรือคำที่ใช้เรียกคนที่เป็นเพศที่สาม ก็สามารถสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนดูส่วนใหญ่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร บางคนที่ถูกกระทำอาจจะคิดไม่พอใจแค่ชั่ววูบเดียว แล้วก็รู้สึกว่า \'เราไม่ควรจะคิดแบบนั้น คนอื่นเขายังรับกันได้\' จึงกลายเป็นมาตรฐานที่สร้างให้ตัวเองและคนรอบข้าง เกิดการกระทำแบบนี้ต่อไปเป็นทอด ๆ
คนไทยส่วนใหญ่ใจดี แต่ไม่ใช่คนละเอียดอ่อน ไม่ค่อยคิดอะไรมาก และมักจะคิดได้เมื่อถึงจุดที่สายไปแล้ว เข้าทำนองวัวหายล้อมคอกอย่างที่เห็นกันบ่อย ๆ คนไทยส่วนใหญ่ไม่คิดมาก ไม่เป็นไร ยอม ๆ ไป แต่หมออยากให้สื่อบ้านเรานำเสนออะไรก็ตามที่จะนำไปสู่ค่านิยมที่ดีให้สังคม น่าจะทำให้สังคมเราน่าอยู่มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความเห็นใจกันและกัน คิดให้มากสักหน่อย
เรื่องแบบนี้สอนและปลูกฝังกันได้ง่ายเมื่อตอนที่เป็นเด็ก ถ้าเป็นผู้ใหญ่โต ๆ กันแล้ว คงจะบอกให้เข้าใจได้ยากขึ้น อย่าลืมว่าเรื่องเล็กน้อยของเรา อาจเป็นเรื่องที่มีผลกระทบอย่างยิ่งกับจิตใจของคนหนึ่งก็ได้
#หมอมินบานเย็น"
นอกจากนี้ยังมีการโยงไปถึงรายการ ฟ้าแลบเด็ก ซึ่งเป็นรายการที่เกี่ยวข้องกับเด็กโดยตรง หลังมีคนคอมเมนต์แจ้งว่าในรายการนั้นเล่นมุกเกี่ยวกับเพศอย่างโจ่งแจ้งเช่นกัน แถมยังมีการล้อเลียนเด็กที่ได้คะแนนน้อย ซึ่งทางคุณหมอเจ้าของเพจก็ได้วอนไปถึง คุณตา ปัญญา นิรันดร์กุล ให้ปรับปรุงในเรื่องนี้ด้วย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เข็นเด็กขึ้นภูเขา, The Mask Singer