"การเตรียมงานเริ่มขึ้นช่วงผมไปถ่ายหนัง โดยทุกอย่างพร้อมเมื่อผมกลับมา ทีมงานทุกคนพร้อมและถามผมว่า จาพร้อมรึยัง ผมก็ตอบ ผมพร้อมแล้วครับ (หัวเราะ) จนมาถึงวันถ่ายทำนี่แหละครับ ทางผู้กำกับฯ (ต๋อม-ณัฐพล มุขขันธ์) อยากได้บรรยากาศข้างหลังเป็นเขา ข้างหน้าเป็นคล้าย ๆ ทะเลทราย ประมาณทะเลทรายโอบล้อมด้วยภูเขา ซึ่งเราได้โลเคชั่นสวยมาก คือที่สามร้อยยอด แต่ก็แดดร้อนมากด้วย ประมาณเกือบ 40 องศา"
"ซึ่งฉากแรกผมก็ต้องแต่งชุดผีตาโขนปิดหน้า ยืนกลางแดด ไม่มีที่ร่มเลยครับ แถมยังเป็นครั้งแรกที่ผมต้องถ่ายกับเหยี่ยว เลยต้องไปสร้างความคุ้นเคยกันก่อน เขาชื่อ นานา ต้องทำให้เขาขยับปีกเพื่อให้ดูเป็นพญาเหยี่ยว แบบลองให้บิน ซึ่งไม่น่าเชื่อนะครับว่าพญาเหยี่ยวที่เพิ่งคุ้นเคยกันไม่นาน เขาจะเชื่อฟังเรา แบบให้ความร่วมมือ ทำให้ถ่ายออกมาได้อย่างดีมากเลยครับ ทำตามที่เราต้องการ บินเข้าหากล้อง โพสต์ท่าโน้นท่านี้ได้อย่างสวยงามมาก"
"แล้วไม่ใช่แค่เหยี่ยว เอ็มวีนี้ยังจะมีช้างมาร่วมเล่นด้วย และเราต้องย้ายโลเคชั่นไปถ่ายกันที่ปางช้างที่หัวหิน ซึ่งถึงแม้ผมจะเคยทำงานกับช้างมาก่อน แต่โดยสัญชาตญาณผมรู้สึกว่า มันจะถ่ายยากมากเลยนะ เพราะจะมีทั้งฉากจุดพลุ ฉากเต้นข้าง ๆ ช้าง ก็คิดว่าต้องไปทำความคุ้นเคยกับเขาอีกเหมือนกัน นอกจากมีการจุดธูปไหว้ครูบาอาจารย์ ต้องมีเอากล้วยไปเลี้ยงเขา ไปกอดเขา แล้วผมก็ถึงลองขึ้นไปนั่งบนคอช้าง ไปสัมผัส ให้เขาจำกลิ่นเราได้ ไปคุยกับควาญช้างว่า เขาเล่นอะไรทำอะไรได้บ้าง ปรากฏคุยไปคุยมากับควาญช้าง เฮ้ย ช้างนี้เป็นช้างที่เคยถ่ายหนังกับเรา เป็นช้างจังหวัดสุรินทร์ มีความคุ้นเคยกันมาก่อน โชคดีเลยครับ ทีนี้ก็เริ่มทดสอบจุดควันไฟ แต่ดูช้างเค้าหงุดหงิดนิดหน่อยอาจจะยังไม่คุ้น ตัวผมเองก็ต้องเล่นควัน ต้องตีลังกา พอเริ่มคุ้นชิน ผมเลยขอขึ้นหลังช้างซะเลย (หัวเราะ) ด้นกันสด ๆ พอขึ้นหลังได้ก็เลยขอจุดควันเอง ไปถึงขอกระโดดลงมาจากบนคอช้าง พี่ต๋อม ผกก. บอก จากระโดดได้เหรอ ตอนนั้นมันแบบภาพในหัวมันมาเรื่อย ๆ เลย ภาพในหัวมาเลย ไม่รู้พลังมาจากไหนครับ ซึ่งปรากฏว่าได้ภาพทั้งโยก ทั้งตีลังกา ได้ภาพสวยงามแบบช้างไม่ตกใจด้วย ก็โล่งอก ผ่านไปได้ด้วยดีครับ อยากให้ทุกคนได้ลองชมกัน"
ข้อมูลจาก