เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Etta James
เอ็ตต้า เจมส์ ตำนานเพลงบลูส์ชื่อก้องชาวสหรัฐ เจ้าของบทเพลงเวดดิ้งสุดฮิต At Last เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 73 ปี
วานนี้ (20 มกราคม) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐอเมริกา รายงานข่าวว่า เอ็ตต้า เจมส์ (Etta James) หนึ่งในตำนานเพลงบลูส์ชื่อก้องชาวสหรัฐฯ ที่รู้จักกันไปทั่วโลก เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 73 ปี ที่โรงพยาบาลริเวอร์ไซด์ คอมมิวนิตี้ นครลอสแองเจลิส โดยมีสามีและบุตรชายยืนเคียงข้าง
โดย ลูเบ้ เดอ ลีออน ผู้จัดการส่วนตัวของเธอเปิดเผยว่า เมื่อปี 2010 เธอถูกตรวจพบว่าเป็นโรคลูคิเมีย และกำลังอยู่ในระหว่างการบำบัดอาการ นอกจากนี้เธอยังถูกตรวจพบว่า มีอาการของโรคสมองเสื่อมและโรคไวรัสตับอีกเสบซี เด็กรุ่นหลัง ๆ อาจไม่ค่อยคุ้นชื่อเธอนัก แต่ย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อน เธอคือตำนานเพลงบลูส์ชื่อก้องโลก เจ้าของบทเพลงดัง At Last ที่ได้รับเกียรติให้บรรเลงเป็นเพลงแรกในพิธีเต้นรำ เพื่อฉลองการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีบารัก โอบามาและภริยา เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2009 อีกทั้งการันตีความสามารถของเธอด้วยรางวัลแกรมมี่ 6 รางวัล และได้รับการจารึกชื่อในหอเกียรติยศร็อคแอนด์โรล เมื่อปี 1993
เอ็ตต้า เจมส์ เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม ค.ศ.1938 ที่ลอสแองเจลิส แม่ของเธอ โดโรธี ฮอว์คกินส์ ให้กำเนิดเธอขณะที่มีอายุได้เพียง 14 ปีเท่านั้น ขณะที่ไม่ทราบว่าพ่อเป็นใคร ว่ากันว่าอาจจะเป็นนักเล่นบิลเลียดชายผิวขาวคนหนึ่ง ตอนเด็ก ๆ เธอก็เริ่มฉายแววการร้องเพลงด้วยอายุเพียง 5 ขวบจากการร้องเพลงประสานเสียงในโบสถ์ จนสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองและโบสถ์อย่างมากมาย
ต่อมา เธอและแม่ย้ายไปอยู่เมืองซานฟรานซิสโก ที่ซึ่งเธอ ๆ ค่อย ๆ พัฒนาทักษะการร้องเพลงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออายุ 14 ปี เธอได้ร่วมตั้งวงหญิงล้วนที่ชื่อว่า Creolettes จนกระทั่งต้นยุค 1950 เธอได้พบกับนักดนตรีชื่อดังอย่าง จอห์นนี โอติส ที่ช่วยให้วงได้เซ็นสัญญากับ Modern Records พร้อมเปลี่ยนชื่อวงเป็น Peaches ส่วน เจมส์เซ็ตต้า ฮอว์กินส์ ก็ได้ชื่อว่า เอตต้า เจมส์ เช่นเดียวกัน
จากนั้นเธอก็ได้เริ่มผลิตผลงานเพลงอีกมากมาย เช่น Trust In Me, Something′s Got a Hold On Me, Sunday Kind of Love, All I Could Do Was Cry และได้ร่วมออกทัวร์กับศิลปินชื่อดังร่วมค่าย เช่น บ็อบบี้ วินตัน ลิตเติล ริชาร์ด เจอร์รี ลี ลูอิส และเอเวอร์ลี บราเธอร์ส
แต่เพลงที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงอย่างสูงสุดนั่นก็คือ เพลง At Last ที่ขึ้นถึงอันดับ 2 ของชาร์ตเพลงอาร์แอนด์บี และอันดับ 47 ของชาร์ทบิลบอร์ด 100 อย่างไรก็ตาม เพลงนี้อาจไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่ต้นสังกัดคาดไว้ แต่เพลงกลับค่อย ๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และได้รับการเปิดตามสถานีวิทยุเรื่อยมา จนมีศิลปินมากมายนำไปขับร้องใหม่ แต่ก็ไม่เทียบเท่ากับต้นฉบับอย่างเอ็ตต้า เจมส์ นอกจากนี้เพลงนี้ยัง ถูกนำไปใช้เป็นเพลงประจำพิธีแต่งงานสำหรับชาวอเมริกัน ด้วยเนื้อเรื่องที่โรแมนติก และดนตรีอันไพเราะและเข้าถึงอารมณ์อย่างที่สุด
แต่ชีวิตการทำงานของเธอก็เริ่มเจออุปสรรคเมื่อเจมส์ ต้องต่อสู้กับอาการติดเฮโรอินตลอดช่วงยุค 1960–1970 และก่อเรื่องที่ทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายมากมายหลังจากนั้น เช่นครั้งที่สามีของเธอ อาร์ติส มิลลิส ที่แต่งงานกันในปี 1969 ยอมรับโทษแต่เพียงผู้เดียวในคดีที่ทั้งสองถูกจับฐานมียาเสพติดในครอบครอง ซึ่งระหว่างที่สามีถูกจำคุก เจมส์ เองก็ถูกจับอีกครั้งเมื่อปี 1975 แม้จะไม่ต้องโทษจองจำ แต่ก็ต้องไปบำบัดอาการติดยาในโรงพยาบาลเป็นเวลา 17 เดือน ในยุค 1980 เธอต้องกลับไปบำบัดที่ ศูนย์บำบัดเบ็ตตี้ฟอร์ดเซนเตอร์อีก แม้กระทั่งในปี 2010 ก็ต้องเข้าบำบัดการใช้ยาแก้ปวด
จนกระทั่งเดือนตุลาคมปีที่แล้ว สุขภาพของเธอเริ่มทรุดหนักเธอได้ประกาศยุติการร้องเพลง และปล่อยอัลบั้มสุดท้ายในชีวิตที่มีชื่อว่า The Dreamer
Etta James - At Last
