Espresso ของ Sabrina Carpenter เพลงรักหวานเข้ม เปรียบดั่งรสชาติเอสเพรสโซ่

          ตีความเพลง Espresso ของ Sabrina เพลงสนุก ๆ ที่พูดถึงความหลงใหลในความรักครั้งใหม่ เนื้อเพลงเปรียบเปรยความรู้สึกนั้นเหมือนกับรสชาติของเครื่องดื่มกาแฟเอสเพรสโซ่ที่มีรสชาติเข้มข้น หอมกรุ่น และทำให้ตื่นเต้นไปกับรสสัมผัสใหม่ ๆ

          เรียกว่าเป็นไวรัลฮอตในโลกโซเชียลไปแล้วตอนนี้ สำหรับเพลงฮิตติดหูอย่าง Espresso ของนักร้องสาวดาวรุ่ง Sabrina Carpenter หลังจากที่เธอเคยได้รับโอกาสในการขึ้นแสดงเปิดคอนเสิร์ตให้กับ Taylor Swift จนคนทั่วโลกเริ่มรู้จักเธอมากขึ้น ล่าสุดเธอก็ได้ออกซิงเกิลเพลงหวานชื่อ Espresso ที่เปรียบความรักเป็นดั่งรสชาติกาแฟเอสเพรสโซ่ ที่ทั้งความเข้มข้น หอมหวน กระตุ้นความรู้สึกชวนให้กระปรี้กระเปร่าและเสพติด

          Now he’s thinkin’ bout me Every night, oh
Is it that sweet? I guess so
Say you can’t sleep Baby I know
That’s that me Espresso

          ในท่อนนี้ สาว Sabrina ได้เปรียบเทียบความรักที่ทำให้เรามีความรู้สึกหวั่นไหวและลุ่มหลง ให้เหมือนกับ เอสเพรสโซ่ กาแฟแก้วโปรดของใครหลายคนที่มีรสชาติเข้มข้น เต็มไปด้วยแรงกระตุ้น ซึ่งเป็นการใช้คำพังเพยเปรียบเปรยถึงความรักครั้งใหม่ที่น่าตื่นเต้น ชวนให้เสพติด ทำให้คนนอนไม่หลับ เพราะเอาแต่คิดถึงนั่นเอง

          กระแสความฮิตเพลง Espresso ของ Sabrina Carpenter กลายเป็นไวรัลอย่างหนักไปทุกแพลตฟอร์มโลกโซเชียล การันตีความสำเร็จด้วยการพุ่งทะยานขึ้นครองชาร์ตอันดับ 1 Billboard Global (Excluding United States) พร้อมติดชาร์ต Top 4 Billboard Global 200 ชนิดที่เรียกว่าฮอตจนฉุดไม่อยู่ และในประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน มีศิลปินดารานักแสดงและผู้มีชื่อเสียงมากมายได้หยิบเอาซิงเกิลเพลงฮิตมาสร้างสรรค์เป็นคอนเทนต์สุดเก๋ เสิร์ฟความสดใสและกระปรี้กระเปร่ากันทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็น ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่, คิม คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส, ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์, ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์, เนย โชติกา วงศ์วิลาศ, ออม สุชาร์ มานะยิ่ง และ อูน ชนิสรา วงศ์ดีประสิทธิ์

          สำหรับเพลง Espresso เป็นซิงเกิลเพลงป๊อปต้อนรับซัมเมอร์ที่มาพร้อมภาพโปรโมตถอดแบบจากยุค 50s แต่งโดย Sabrina Carpenter และโปรดิวเซอร์คู่ใจ ทั้ง Amy Allen (ผู้อยู่เบื้องหลังซิงเกิล Feather), Julian Bunetta และ Steph Jones (ผู้อยู่เบื้องหลังซิงเกิล Nonsense) ซึ่งถูกปล่อยออกมาก่อนวันที่เธอจะขึ้นเดบิวต์โชว์บนเวทีหลักในเทศกาลดนตรียักษ์ใหญ่อย่าง Coachella เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2024 โดย Espresso เป็นการคัมแบ็กต่อจาก EP Fruitcake ที่ปล่อยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023

          ใน MV เพลง Espresso ที่มาในลุคสดใสตามแบบฉบับของ Sabrina Carpenter ได้ผู้กำกับชื่อดังอย่าง Dave Meyers ผู้เคยสร้างสรรค์ผลงานให้ศิลปินชื่อดังมากมาย อาทิ Ariana Grande, Bad Bunny และ Harry Styles มาร่วมกำกับอีกด้วย

          Erin Kayata นักข่าวของ Northeastern Global News ได้วิเคราะห์ว่า Psyche Loui อาจารย์ด้านดนตรีจากมหาวิทยาลัยนอร์ธอีสเทิร์น และผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาการรับรู้ทางการได้ยิน กล่าวว่า เพลงมักจะติดอยู่ในหัวเราเพราะมันฟังติดหู ไม่ว่าจะเป็นเพราะเสียงร้องประสาน หรือจังหวะกลองที่คาดไม่ถึง นอกจากนี้เนื้อเพลงก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งได้เช่นกัน รวมถึงเพลง Espresso ที่สื่อถึงกาแฟว่าเป็นสิ่งที่หลายคนรู้จักคุ้นเคยกันดี ก็เป็นเรื่องที่ทำให้จดจำได้ง่าย ในขณะที่ประเด็นเรื่องความรักและความปรารถนาระหว่างบุคคลก็สร้างความรู้สึกร่วมได้หลายคน เช่น บางครั้งคุณอาจเคยดื่มเอสเพรสโซ่เพื่อปลุกตัวเองให้ตาสว่างและทำงานได้ตลอดทั้งคืน และบางครั้งคุณก็อาจดื่มเอสเพรสโซ่แล้วไปปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ จนเช้า สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นความทรงจำส่วนตัวที่เนื้อเพลงมีส่วนเชื่อมโยงถึง มีการนำเอารสชาติของความสัมพันธ์หลากหลายมาบรรจุอยู่ในเพลงเพลงนี้ ทำให้คนฟังสามารถอินกับเพลงได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

          Sabrina Carpenter (ซาบรินา คาร์เพนเทอร์) เป็นนักร้อง นักแสดง และนักแต่งเพลง ชาวอเมริกัน ปัจจุบันอายุ 25 ปี (ข้อมูลวันที่ 6 มิถุนายน 2567) เธอเริ่มแจ้งเกิดในวงการบันเทิงจากการแสดงละครเด็กของดิสนีย์แชนแนล เรื่อง Girl Meets World and Adventures in Babysitting ในปี 2014-2017 ก่อนจะเริ่มงานเพลงอย่างจริงจังในปี 2014 ด้วยซิงเกิลแรก Can't Blame a Girl for Trying และเปิดตัวอัลบั้มเดบิวต์ของตัวเองชื่อ Eyes Wide Open ในปี 2015

          เพลง Espresso ถือเป็นการประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของ Sabrina เลยก็ว่าได้ เพราะสื่อใหญ่อย่าง The New York Times ยังพูดถึงความสำเร็จของซิงเกิลนี้ไว้ด้วยว่า เครื่องดื่มคาเฟอีนของหน้าร้อนนี้ ไม่ใช่กาแฟ Cold Brew หรือ Matcha แต่มันคือ Espresso จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Espresso คือเพลงแห่งปี 2024 อย่างแท้จริง

ขอบคุณข้อมูลจาก : Northeastern Global News, nytimes.com, เฟซบุ๊ก Diva Phoenix Thailand และ เฟซบุ๊ก Sabrina Carpenter