ประวัติ Ed Sheeran ศิลปินพรสวรรค์ที่ประสบความสำเร็จจนคนทั่วโลกยอมรับ

          เปิดประวัติและผลงาน เอ็ด ชีแรน (Ed Sheeran) ศิลปินระดับโลกที่มากไปด้วยความสามารถ มีผลงานเพลงโด่งดังติดหูมากมาย
ed sheeran เอ็ด ชีแรน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ed Sheeran

          เมื่อเอ่ยชื่อ เอ็ด ชีแรน (Ed Sheeran) เชื่อได้เลยว่าแฟนเพลงในยุคนี้ไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน เพราะถือว่าเป็นบุคคลมากความสามารถ ไม่ใช่เพียงนักร้องทั่วไป แต่เรียกว่าเป็นศิลปินระดับโลกได้เลยทีเดียว ทั้งสามารถร้องเพลง แต่งเพลง โปรดิวซ์ และเล่นเครื่องดนตรีได้อีกด้วย ดังนั้น ในทุก ๆ ผลงานเพลงของเขาจึงเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกจากประสบการณ์ของตัวเอง เมื่อฟังแล้วจะเหมือนตกเข้าไปในภวังค์ และด้วยเนื้อเสียงที่มีความอบอุ่นก็ทำให้สามารถฟังตั้งแต่ต้นจนจบแบบไม่มีเบื่อเลย
          นอกจากนี้ผลงานเพลงของเขายังถูกเปิดฟังจนติดชาร์ตอันดับต้น ๆ ในทุก Streaming รวมถึงยังกวาดรางวัลทั้งในเวที Billboard, Grammy, NME และเวทีอื่น ๆ มาอีกเพียบ วันนี้เราจึงอยากแนะนำ ประวัติและผลงานเพลงของ เอ็ด ชีแรน ให้ทุกคนได้รู้จักเขามากขึ้นกันค่ะ

ประวัติ เอ็ด ชีแรน

ed sheeran เอ็ด ชีแรน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ed Sheeran

          เอ็ด ชีแรน (Ed Sheeran) ชื่อจริงคือ เอ็ดเวิร์ด คริสโตเฟอร์ (Edward Christopher) เกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1991 เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดงชาวอังกฤษ เกิดที่เมืองฮาลิแฟกซ์ รัฐยอร์กเชียร์ตะวันตก พ่อ (จอห์น ชีแรน) เป็นภัณฑารักษ์อยู่ในแบรดฟอร์ด ส่วนแม่ (อิโมเจน ชีแรน) ทำงานเป็นนักประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมที่ต่อมาได้ผันตัวมาเป็นนักออกแบบเครื่องประดับ มีพี่ชาย (แมทธิว ชีแรน) เป็นนักแต่งเพลง
          ในวัยเด็กครอบครัวของ เอ็ด ชีแรน ได้ย้ายไปอยู่ที่แฟรมลิงแฮม เมืองซัฟฟอล์ก สหราชอาณาจักร เอ็ดได้เข้าเรียนที่โรงเรียน Brandeston Hall อิสระ (ปัจจุบันคือ Framlingham College Prep School) เมื่อปี 1995 และเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมโทมัส มิลส์ (Thomas Mills High School) เมื่ออายุ 4 ขวบ เอ็ดเริ่มร้องเพลงที่คณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์ท้องถิ่น ได้เรียนรู้วิธีเล่นกีตาร์เมื่ออายุ 11 ขวบ และเริ่มต้นเขียนเนื้อเพลงขณะอยู่ที่โรงเรียนมัธยม และเขายังเล่นเชลโลอีกด้วย

เอ็ด ชีแรน กับการเริ่มต้นอาชีพนักร้อง

ed sheeran เอ็ด ชีแรน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ed Sheeran

          เอ็ด ชีแรน เริ่มอัดเสียงในปี 2004 เมื่ออายุได้ 13 ปี ได้ออกผลงานคอลเล็กชั่นชุดแรกในชื่อ Spinning Man ต่อมาในปี 2008 ได้ย้ายไปลอนดอน และเริ่มเล่นดนตรีแสดงโชว์บนเวทีเป็นครั้งแรกในสถานที่เล็ก ๆ และในปี 2009 เขาได้เข้าเรียนดนตรีในระดับปริญญาตรีที่ Academy of Contemporary Music (ACM) ในกิลด์ฟอร์ด เซอร์เรย์ และออกอัลบั้มเพลงอีกชุดชื่อ You Need Me นอกจากนี้ยังได้ร่วมงานกับนักร้องนำหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Essex singer Leddra Chapman รวมถึงเพลง Fuck You ของ CeeLo Green ด้วย
          เอ็ด ชีแรน เริ่มเป็นที่รู้จักของผู้คนในโซเชียลมีเดียมากขึ้นผ่านทาง YouTube ฐานแฟนเพลงก็เริ่มขยายวงกว้างขึ้น โดยเขายังได้รับคำชมจากหนังสือพิมพ์ The Independent และ Elton John อีกด้วย นอกจากนี้ในปี 2010 เอ็ด ได้ออกผลงาน EP อีก 2 อัลบั้ม คือ Ed Sheeran : Live at the Bedford และ Songs I Wrote with Amy ซึ่งเป็นคอลเล็กชั่นเพลงรักที่เขาเขียนร่วมกับ Amy Wadge ในประเทศเวลส์ และในลอสแอนเจลิส เขายังได้ไปแสดงที่ The Foxxhole คลับของนักแสดง Jamie Foxx และยังได้รับเชิญให้ไปพักที่บ้านของ Foxx ด้วย
          ต้นปี 2011 เอ็ด ชีแรน ได้ออกอัลบั้มเพลง No. 5 Collaborations Project โดยไม่มีสังกัด ซึ่งเป็นที่สนใจจากผู้คนอย่างมาก ต่อจากนั้นได้เซ็นสัญญากับทาง Asylum Records และปล่อยสตูดิโออัลบั้มแรกชื่อว่า + (พลัส) ออกจำหน่ายในเดือนกันยายน ต่อมามีซิงเกิล The A Team และ Lego House ที่ได้รับการรับรองระดับแพลทินัม 6 ครั้งในสหราชอาณาจักร และซิงเกิล The A Team ทำให้ เอ็ด ชีแรน คว้ารางวัล Ivor Novello Award ในสาขาเพลงยอดเยี่ยมด้านดนตรีและเนื้อเพลง และได้รับรางวัล BRIT Awards ในสาขาศิลปินเดี่ยวชายชาวบริติชยอดเยี่ยม และศิลปินแจ้งเกิดชาวบริติชด้วย
ed sheeran เอ็ด ชีแรน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ed Sheeran

          ในปี 2012 ชื่อของ เอ็ด ชีแรน เริ่มเป็นที่รู้จักในสหรัฐอเมริกา โดยได้เป็นนักร้องรับเชิญในอัลบั้ม Red สตูดิโออัลบั้มที่ 4 ของ Taylor Swift และได้แต่งเพลงให้กับ One Direction ในปี 2013 อัลบั้ม The A Team ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเพลงแห่งปี จากงาน Grammy Awards 2013 ซึ่งเขาได้แสดงโชว์เพลงนี้ร่วมกับ Elton John ศิลปินชื่อดัง และในปีเดียวกัน เอ็ดก็ได้ประกาศเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต Red Tour กับ Taylor Swift ที่อเมริกาเหนือ
          ในวันที่ 23 มิถุนายน ปี 2014 เอ็ด ชีแรน ได้ออกสตูดิโออัลบั้มที่ 2 ชื่อว่า X (มัลติพลาย) และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในงาน Grammy Awards ครั้งที่ 56 รวมถึงได้รับรางวัลในงาน BRIT Awards 2015 ในสาขาอัลบั้มแห่งปี และยังได้รับรางวัล Ivor Novello Award ในสาขานักแต่งเพลงแห่งปีด้วย
          ในปี 2016 เอ็ด ชีแรน ได้รับรางวัล Grammy Award ในสาขาเพลงแห่งปี จากเพลง Thinking Out Loud จากนั้นในปี 2017 ได้ออกสตูดิโออัลบั้มชื่อว่า ÷ (ดิไวด์) ที่มีซิงเกิลฮิตหลาย ๆ เพลง ได้แก่ Perfect และ Happier รวมถึงซิงเกิลฮิตอย่าง Shape Of You และ Castle On The Hill พุ่งทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 และ 2 บนชาร์ตเพลงทั่วโลกทันที จนทำให้เขากลายเป็นศิลปินคนแรกในประวัติศาสตร์ชาร์ตเพลงอังกฤษ ที่มีเพลงใหม่ล่าสุดขึ้นชาร์ตในลำดับติดกันถึง 2 เพลง
ed sheeran เอ็ด ชีแรน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ed Sheeran

          หลังจากในวันที่ 23 พฤษภาคม 2019 เอ็ด ชีแรน ก็ประกาศสตูดิโออัลบั้มที่ 4 ชื่อ No.6 Collaborations Project โดยมีซิงเกิลนำคือ I Don't Care (ร่วมกับ Justin Bieber)
          สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 5 ของ เอ็ด ชีแรน คือ = (อีควลส์) ติดอันดับชาร์ตในตลาดหลัก ๆ ในปี 2021 อัลบั้มที่ 6 คือ - (ซับแทรกต์) วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2023 ในขณะที่อัลบั้มที่ 7 ชื่อว่า Autumn Variations ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2023 ภายใต้ Gingerbread Man Records ซึ่งเป็นค่ายเพลงของเขาเอง

ผลงานอัลบั้ม เอ็ด ชีแรน

  • You Need Me (2011)
  • No. 5 Collaborations Project (2011)
  • + (2011)
  • × (2014)
  • ÷ (2017)
  • No.6 Collaborations Project (2019)
  • = (2021)
  • − (2023)
  • Autumn Variations (2023)

ทัวร์คอนเสิร์ตของ เอ็ด ชีแรน

  • + Tour (2011–13)
  • × Tour (2014–15)
  • ÷ Tour (2017–19)
  • +–=÷× Tour (2022–24)
  • - Tour (2023)

เอ็ด ชีแรน กับทัวร์คอนเสิร์ต

ed sheeran เอ็ด ชีแรน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ed Sheeran

          นอกจาก เอ็ด ชีแรน จะสร้างปรากฏการณ์ต่าง ๆ บนชาร์ตเพลงทั่วโลกแล้ว ศิลปินหนุ่มจากเมืองซัฟโฟล์กผู้นี้ยังทำลายสถิติในเรื่องการแสดงคอนเสิร์ตด้วย โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2015 เอ็ดเปิดการแสดงเดี่ยวบนเวที Wembley Stadium ซึ่งเป็นศิลปินคนแรกที่สามารถเล่นบนเวทีอันทรงเกียรติแห่งนี้โดยไม่มีวงดนตรีแบ็กอัพ มีเพียงแค่เครื่อง ลูป เพดัล (Loop Pedal) และกีตาร์ อันเป็นเอกลักษณ์ของเขาเท่านั้น ต่อหน้าผู้ชมถึง 240,000 คน เป็นเวลา 3 คืนติดต่อกัน ซึ่งบัตรเข้าชมขายหมดเกลี้ยงทั้ง 3 รอบ โดยในคืนแรกมี เซอร์ เอลตัน จอห์น (Sir Elton John) ไปร่วมสร้างความประทับใจในการแสดงด้วย ซึ่งดีวีดีบันทึกการแสดงสดครั้งนี้ใช้ชื่อว่า Jumpers for Goalposts ถูกปล่อยออกมาเมื่อปลายปี 2015 ในฐานะศิลปินเดี่ยวที่มีความโดดเด่นแห่งยุค
          เอ็ด ชีแรน ยังได้รับโอกาสอันทรงเกียรติหลายครั้ง เช่น ในพิธีปิดงานลอนดอน โอลิมปิก ปี 2012 เอ็ดได้ร่วมแสดงคอนเสิร์ตกับศิลปินที่ยิ่งใหญ่ อย่างสมาชิกวง Pink Floyd และ Genesis ในเพลง Wish You Were Here เวอร์ชั่นพิเศษ และในปี 2015 เอ็ดได้ขึ้นเวทีร่วมกับ Beyonce และ Gary Clark Jr. ในงานแกรมมี่ เพื่อทริบิวต์ให้กับ Stevie Wonder ด้วย

คอนเสิร์ต Ed Sheeran ‘+ - = ÷ x’ Mathematics Tour Bangkok 2024

ed sheeran เอ็ด ชีแรน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ed Sheeran

          และล่าสุดกับ คอนเสิร์ต Ed Sheeran ‘+ - = ÷ x’ Mathematics Tour Bangkok 2024 ที่จะเป็นการกลับมาเยือนเอเชียอย่างเป็นทางการอีกครั้งของเอ็ด ชีแรน ในรอบ 4 ปี หลังจากเอเชียทัวร์ในปี 2019 และถือเป็นการมาเยือนไทยครั้งที่ 3 โดยคอนเสิร์ตใหญ่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2024 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน พร้อมแขกรับเชิญพิเศษ Calum Scott
ed sheeran เอ็ด ชีแรน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ed Sheeran

          เอ็ด ชีแรน จากศิลปินไร้ชื่อ นักดนตรีโนเนม ที่มุ่งมั่นพัฒนาความสามารถและฝีมือ ขยันฝึกซ้อม ผลักดันตัวเองให้ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ จนกลายเป็นดาวจรัสแสงในวงการ รวมถึงเป็นตำนานแห่งวงการเพลงฮิตที่อยู่ในใจนักฟังเพลงทั่วโลก และเป็นศิลปินแนวหน้าระดับโลกที่ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก Ed Sheeran
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ประวัติ Ed Sheeran ศิลปินพรสวรรค์ที่ประสบความสำเร็จจนคนทั่วโลกยอมรับ อัปเดตล่าสุด 12 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10:55:07 28,570 อ่าน
TOP
x close