ประวัติ เพชร โอสถานุเคราะห์
เพชร โอสถานุเคราะห์ ประวัติ เกิดวันที่ 21 สิงหาคม 2497 เป็นบุตรชายของนายสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และนางปองทิพย์ โอสถานุเคราะห์ เกิดที่กรุงเทพฯ เริ่มเรียนที่โรงเรียนสมประสงค์ จนถึง ป.3 จากนั้นก็ย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนพิพัฒนา ถึงชั้น ม.4 (มศ. 3 ในอดีต) ก็ย้ายไปเรียนต่อชั้นมัธยมปลายที่ Teaneck High School ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากเรียนจบแล้วก็กลับมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นเวลา 2 ปี แล้วจึงกลับไปเรียนต่อจนจบปริญญาตรีทางด้านบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด ที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นอิลลินอยส์
เมื่อเรียนจบเขาก็กลับมาช่วยงานของครอบครัวอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะออกไปทำธุรกิจตั้งบริษัท สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง ตามความชอบคิดสร้างสรรค์ และยังทำสื่อทั้งนิตยสารสำหรับผู้หญิง และรายการโทรทัศน์ ผู้หญิงวันนี้ ตามความชอบคิดสร้างสรรค์ในแบบฉบับของเขา และเข้ามาปรับโฉมมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ให้เป็น Creative University
เพชร โอสถานุเคราะห์ ผลงานเพลง
เพชร โอสถานุเคราะห์ นับเป็นผู้ชายที่มีสายเลือดศิลปินอยู่ในตัว เพราะเขาได้สร้างสรรค์ผลงานอมตะในวงการเพลง ทั้งแต่งเพลง หมื่นฟาเรนไฮต์ ให้วงไมโคร และทำอัลบั้มเพลงชุดแรกของตัวเอง ชื่อว่า ธรรมดา…มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่มีเพลงดังอย่าง เพียงชายคนนี้ (ไม่ใช่ผู้วิเศษ) ในปี 2530 และกลับเข้าวงการเพลงอีกครั้งหลังจากหายหน้าไปร่วม 20 ปี เพื่อทำงานเพลง ในปี 2550 ได้ออกผลงานอัลบั้มที่ 2 Let’s Talk About Love ที่ได้ผู้กำกับมิวสิกวิดีโออย่าง เป็นเอก รัตนเรือง, วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง และอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล มาร่วมงาน
โดยมิวสิกวิดีโอแต่ละชิ้นมีงบประมาณราว 20,000 ถึง 1 ล้านบาท และในปี พ.ศ. 2551 ได้นำผลงานชุดแรกไปรีมาสเตอร์ที่ประเทศอังกฤษ และนำกลับมาวางจำหน่ายใหม่ ทั้งนี้ นอกจากผลงานเพลงแล้ว เขายังมีงานเขียนทั้งเรื่องสั้นและนิยาย แถมยังชื่นชอบในงานศิลปะ ซึ่งมีชิ้นงานสะสมอยู่มากกว่า 600 ชิ้นอีกด้วย
เพชร โอสถานุเคราะห์
ผู้บริหารมากความสามารถ
นอกจากผลงานเพลง เพชร โอสถานุเคราะห์ ยังมีผลงานและบทบาทในด้านอื่น ๆ เช่น
-
อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
-
อาจารย์และกรรมการสภามหาวิทยาลัยกรุงเทพ
-
ประธานกรรมการ บริษัท ชิเซโด้ (ประเทศไทย) จำกัด
-
ประธานกรรมการ บริษัท ฮาคูโฮโด (กรุงเทพฯ) จำกัด
-
รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก : Instagram @petch.o, เฟซบุ๊ก Petch Osathanugrah
ขอบคุณภาพจาก : bu.ac.th (1), (2), (3)