Taylor Swift (เทย์เลอร์ สวิฟต์) ศิลปินระดับโลก ที่มีความสามารถในการร้องเพลงและแต่งเพลงเข้าขั้นอัจฉริยะคนหนึ่ง โดยเรื่องราวทั้งหมดในเพลงของเธอล้วนแล้วแต่มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของเธอที่กลั่นกรองออกมาเป็นเนื้อเพลงที่สละสลวยนั่นเอง อีกทั้งเธอยังเป็นศิลปินที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องของเสียงมาก เพียงแค่เปล่งขึ้นมาคำแรกก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าคือใคร
รวมถึงการที่เธอเป็นศิลปินที่ฉีกกฎและก้าวข้ามสายดนตรีได้โดยไม่ทำให้คนฟังรู้สึกขัดหูหรือขัดตา เพราะเพลงส่วนใหญ่ของเธอมักจะเป็นเพลงสไตล์คันทรีใส ๆ ตามฉบับวัยทีน และเพลงป็อปที่เพิ่มความเฟียร์ซลงไปด้วย หลายคนอาจรู้จักเธอเพียงแค่เปลือกนอกในด้านของผลงานเพลง แต่ยังไม่ได้รู้ประวัติความเป็นมาของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่กว่าจะมาถึงจุดสูงสุดบนวงการนักร้องและศิลปินนั้น เธอต้องผ่านอะไรหนักหนามาบ้าง วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักนักร้องหญิงคนนี้ให้รู้จักกันมากกว่าเดิมค่ะ
ประวัติ เทย์เลอร์ สวิฟต์
เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ชื่อจริงคือ เทย์เลอร์ แอลิสัน สวิฟต์ (Taylor Alison Swift) เกิดวันที่ 13 ธันวาคม 1989 ที่เมืองไวโอมิสซิง รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ในวัยเด็ก เธอมีความสนใจเกี่ยวกับการแสดงละครเวที เธอเดินทางไปบรอดเวย์เป็นประจำเพื่อเรียนร้องเพลงและการแสดง ต่อมา เธอก็เริ่มเปลี่ยนความสนใจไปที่ดนตรีแนวคันทรี โดยเริ่มต้นการเล่นกีตาร์จากช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ ผู้ที่บอกวิธีการเล่นกีตาร์เพียง 3 คอร์ดให้เธอ เมื่อเธอเรียนรู้ 3 คอร์ดนั้น เธอจึงเริ่มเขียนเพลงเพลงแรก ชื่อเพลง Lucky You จากนั้นเธอก็เขียนเพลงอย่างสม่ำเสมอโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนของเธอนั่นเอง
กระทั่งอายุได้ 14 ปี เทย์เลอร์ ได้ย้ายไปยังเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี เธอเข้าเรียนที่โรงเรียนเฮนเดอร์สันวิลล์ไฮสกูล แต่เรียนได้สองปี เธอก็ย้ายไปเรียนที่สถาบันแอรอนอะคาเดมี ซึ่งเป็นโรงเรียนคริสต์เอกชนที่มีบริการเรียนที่บ้านได้ เพื่อให้สะดวกต่อทำงานดนตรีคันทรี และเธอจบการศึกษาเร็วกว่ากำหนดหนึ่งปีด้วย
เทย์เลอร์ สวิฟต์ กับการเริ่มต้นอาชีพนักร้อง
ที่เมืองแนชวิลล์ เทย์เลอร์ ได้ร่วมงานกับนักแต่งเพลงย่านมิวสิกโรว์มากมาย จนกระทั่งไปถูกตาต้องใจกับผู้บริหารค่ายดรีมเวิกส์เรเคิดส์ ที่กำลังเตรียมตัวก่อตั้งค่ายเพลงอิสระของตนในชื่อ บิกแมชีนเรเคิดส์ ก่อนจะได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องให้กับค่ายเพลงบิกแมชีนเรเคิดส์ และออกอัลบั้มแรกโดยใช้ชื่อของเธอเป็นชื่ออัลบั้ม วางจำหน่ายในปี 2006 ซึ่งอัลบั้มนี้ก็ขึ้นสูงสุดอันดับที่ห้าในชาร์ตบิลบอร์ด 200 และอยู่ในชาร์ตนาน 157 สัปดาห์ นานที่สุดในบรรดาอัลบั้มที่ออกในคริสต์ทศวรรษ 2000
สำหรับอัลบั้ม Tayloy Swift ถือเป็นผลงานชิ้นแจ้งเกิดที่ทำให้ชื่อของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่แต่งเอง ร้องเพลงคันทรีเอง และขึ้นอันดับหนึ่งได้ อีกทั้งยังทำให้เธอได้รับรางวัลมากมาย เช่น รางวัลนักแต่งเพลง/ศิลปินแห่งปี โดยสมาคมนักแต่งเพลงแนชวิลล์ ใน 2007, รางวัลฮอไรซันอะวอร์ดสาขาศิลปินหน้าใหม่ โดยสมาคมดนตรีคันทรี, รางวัลอะคาเดมีออฟคันทรีมิวสิกอวอร์ดส์ สาขานักร้องนำหญิงคนใหม่ยอดเยี่ยม และรางวัลอเมริกันมิวสิกอวอร์ดส์ สาขาศิลปินคันทรีหญิงคนโปรด รวมถึงยังได้เข้าชิงรางวัลแกรมมีสาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ปี 2008 ด้วย
ต่อมา เทย์เลอร์ สวิฟต์ ได้ออกอัลบั้มที่สองชื่อ Fearless ในปี 2008 ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในสหรัฐฯปี 2009 และเป็นอัลบั้มที่ชนะรางวัลแกรมมี่ถึง 4 รางวัล ทำให้เธอเป็นนักร้องที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัลแกรมมี่สาขาอัลบั้มเพลงแห่งปี
เทย์เลอร์ สวิฟต์ ยืนหนึ่งในการแต่งเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับตัวเอง โดยเฉพาะอัลบั้มที่ 3 Speak Now ในปี 2010 ที่เธอเป็นนักแต่งเพลงคนเดียวในอัลบั้มนี้ ต่อมาในปี 2012 ก็ออกอัลบั้มที่สี่ Red Me ตามมาติด ๆ กับอัลบั้มชุดที่ห้า 1989 ในปี 2014 ซึ่งเพลงในอัลบั้มนี้เป็นแนวเพลงป็อป ที่ถูกใจแฟน ๆ จนทำให้ได้รับรางวัลแกรมมี่ถึง 3 รางวัล ทำให้เธอเป็นศิลปินคนที่ห้าและเป็นศิลปินหญิงคนแรกที่ได้รับรางวัลอัลบั้มแห่งปีถึงสองครั้ง และอัลบั้มที่หกในปี 2017 ชื่อ Reputation กับซิงเกิล Look What You Made Me Do ที่ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตของสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ และเป็นอัลบั้มที่ทำให้เธอเป็นศิลปินคนแรกที่มีอัลบั้มขายได้มากกว่าหนึ่งล้านอัลบั้มในสัปดาห์แรกในสหรัฐถึงสี่อัลบั้ม นอกจากนี้ อัลบั้ม Reputation ยังเป็นอัลบั้มสุดท้ายที่ออกโดยสังกัดบิกแมชีนเรเคิดส์ เนื่องจากสัญญาอายุ 12 ปี หมดลง ในเดือนพฤศจิกายน 2018 ด้วย
ปัจจุบัน เทย์เลอร์ สวิฟต์ เซ็นสัญญากับค่ายยูนิเวอร์แซลมิวสิกกรุ๊ป ในสหรัฐอเมริกา และออกอัลบั้มชุดที่เจ็ดในชื่อ Lover ในปี 2019 ซึ่งก็ได้รับคำวิจารณ์ในด้านบวก และเปิดตัวอันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ด 200 ด้วยยอดขายสัปดาห์แรก 867,000 หน่วย รวมถึงแผ่นอัลบั้ม 679,000 หน่วย ทำให้เธอกลายเป็นศิลปินหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่มียอดขายหกอัลบั้มแรกมากกว่า 500,000 หน่วยในสัปดาห์เดียว
ต่อมาในปี 2020 เทย์เลอร์ ก็ได้ออกอัลบั้มที่แปดและเก้าออกมาติด ๆ กัน ชื่อ Folklore และ Evermore โดยเพลงของทั้งสองอัลบั้มจะเป็นเพลงแนวอินดี้โฟล์กและอัลเทอร์เนทีฟร็อก ซึ่งต่างจากงานเพลงป็อปมีจังหวะเร็วในงานชุดก่อนหน้า และซิงเกิลเปิดตัวของทั้งสองอัลบั้มก็เปิดตัวที่อันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 ทำให้เธอกลายเป็นศิลปินคนแรกที่มีซิงเกิลและอัลบั้มเปิดตัวบนชาร์ตในสหรัฐที่อันดับหนึ่งพร้อม ๆ กัน และเป็นศิลปินคนแรกที่ทำได้ถึงสองครั้ง นอกจากนี้ เธอยังกลายเป็นนักดนตรีที่มีค่าตัวสูงที่สุดในปี 2020 ของสหรัฐฯ และของโลกในฐานะศิลปินเดี่ยวด้วย ล่าสุด ในปี 2022 เทย์เลอร์ ก็ออกอัลบั้มชุดที่สิบของเธอออกมา ในชื่อ Midnights
ชื่อของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ยังได้รับการบันทึกในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ 6 รายการในปี 2015 อีกทั้งเธอยังได้อยู่ในรายชื่อ 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลทั่วโลก จัดโดยนิตยสารไทม์ (ปี 2010, 2015 และ 2019) อยู่ในรายชื่อ 100 Greatest Songwriters of All Time ของนิตยสาร Rolling Stone (ปี 2015) และยังได้ตำแหน่งอันดับ 1 ใน Celebrity 100 List โดยเป็นดาราที่ทำเงินมากที่สุดในรอบปี (ปี 2016 และ 2019) ด้วย
ผลงาน เทย์เลอร์ สวิฟต์
ผลงานเพลง
Studio Albums
- Taylor Swift (2006)
- Fearless (2008)
- Speak Now (2010)
- Red (2012)
- 1989 (2014)
- Reputation (2017)
- Lover (2019)
- Folklore (2020)
- Evermore (2020)
- Midnights (2022)
- The Tortured Poets Department (2024)
Re-Recorded Albums
- Fearless (Taylor's Version) (2021)
- Red (Taylor's Version) (2021)
- Speak Now (Taylor's Version) (2023)
เพลงประกอบภาพยนตร์
- Today was a fairy tale ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Valentine's Day (2010)
- Safe and Sound ประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Hunger Games (2012)
- Eyes Open ประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Hunger Games (2012)
- Sweeter Than Fiction ประกอบภาพยนตร์เรื่อง One Chance (2013)
ผลงานการแสดง
- Hannah Montana : The Movie (2009)
- Valentine's Day (2010)
- Journey to Fearless (2010)
- The Lorax (2012)
- The Giver (2014)
- The 1989 World Tour Live (2015)
- Taylor Swift : Reputation Stadium Tour (2018)
- Cats (2019)
- Miss Americana (2020)
- City of Lover (2020)
- Folklore : The Long Pond Studio Sessions (2020)
- All Too Well: The Short Film (2021)
- Amsterdam (2022)
เทย์เลอร์ สวิฟต์ กับทัวร์คอนเสิร์ต
- Fearless Tour (2009–2010)
- Speak Now World Tour (2011–2012)
- The Red Tour (2013–2014)
- The 1989 World Tour (2015)
- Reputation Stadium Tour (2018)
- The Eras Tour (2023–2024)
สำหรับคอนเสิร์ตของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เป็นอีกหนึ่งโชว์ที่เหล่าสวิฟตี้ชาวไทยเฝ้ารอมากที่สุด หลังจากที่เคยมีกำหนดการจะเปิดการแสดงที่ไทยครั้งแรกเมื่อ 9 ปีก่อน แต่เนื่องจากเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พฤษภาคม เป็นเหตุให้โชว์ต้องถูกยกเลิกไป จวบจนวันนี้ก็ยังคงไร้วี่แววว่าจะมีโอกาสกลับมาแสดงที่ไทยอีกครั้ง
แม้กระทั่งตารางการแสดงคอนเสิร์ต Taylor Swift The Eras Tour เพิ่มเติมของปี 2023 และ 2024 เพื่อให้แฟนเพลงได้เตรียมพร้อมไปรับความสนุกกับโชว์สุดพิเศษของเธอ ซึ่งในปี 2024 เธอมีกำหนดจะเดินทางมาแสดงในโซนเอเชียและโอเชียเนีย โดยในเอเชียมีแพลนจะทำการแสดงที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 7-10 กุมภาพันธ์ 2024 ณ โตเกียวโดม และสิงคโปร์ วันที่ 2-4 มีนาคม 2024 ณ สนามกีฬาแห่งชาติ สิงคโปร์ ส่วนที่โอเชียเนียจะแสดงในประเทศออสเตรเลีย ที่เมลเบิร์น วันที่ 6-17 กุมภาพันธ์ 2024 และซิดนีย์ วันที่ 23-25 กุมภาพันธ์ 2024 แต่ก็ยังไร้แววของประเทศไทยอีกจนได้
เทย์เลอร์ สวิฟต์ ชื่อนี้คงจะเป็นการการันตีและตอกย้ำถึงคุณภาพและการประสบความสำเร็จของสาวน้อยนักร้อง นักแต่งเพลง และศิลปินระดับโลกคนนี้ได้แบบไม่มีข้อกังขา เพราะไม่ว่าจะออกซิงเกิลมากี่อัลบั้ม เปิดทัวร์คอนเสิร์ตอีกกี่รอบ ก็ได้รับการต้อนรับและสนับสนุนจากเหล่าสวิฟตี้ทั่วโลกอย่างหนาแน่นและอบอุ่น ซึ่งเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สักครั้งหนึ่ง เทย์เลอร์ สวิฟต์ จะมาจัดคอนเสิร์ตที่เมืองไทย ให้สวิฟตี้ชาวไทย ได้คลั่งรักสาวสวยคนเก่งคนนี้บ้างนะ
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง