ประวัติ Billie Eilish
บิลลี่ ไอลิช (Billie Eilish) ชื่อเต็มคือ บิลลี่ ไอลิช ไพเรต เบร์ด โอคอนเนลล์ (Billie Eilish Pirate Baird O'Connell) นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เกิดวันที่ 18 ธันวาคม 2001 ที่ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวศิลปินนักแสดง โดยมีคุณแม่แม็กกี้ เบร์ด (Maggie Baird) คุณพ่อแพทริก โอคอนเนลล์ (Patrick O'Connell) และพี่ชาย 1 คน ชื่อ ฟินนีส์ โอคอนเนลล์ (Finneas O’Connell)
บิลลี่มีบรรพบุรุษเป็นชาวไอริชและชาวสกอตแลนด์ ซึ่งคำว่า ไอลิช มาจากภาษาไอริช ที่หมายความว่า เอลิซาเบธ ทั้งเธอและพี่ชายเติบโตมาในย่านไฮแลนด์ปาร์ก (Highland Park) และได้รับการสอนแบบโฮมสคูล (Homeschool) โดยแม่ของเธอรับหน้าที่เป็นคุณครูให้ความรู้ สอนเรื่องราวต่าง ๆ และสนับสนุนความชอบและความสนใจในด้านดนตรี ทั้งพื้นฐานการแต่งเพลง ศิลปะ การเต้นรำ และการแสดง จนบิลลี่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคณะนักร้องประสานเสียงเด็ก (Los Angeles Children's Chorus) ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และสามารถแต่งเพลงของจริงได้ครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง The Walking Dead
Billie Eilish กับเส้นทางศิลปิน
ทั้งบิลลี่ และฟินนีส์ พี่ชาย เติบโตขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศแห่งเสียงดนตรี จึงทำให้ทั้งสองคนเกิดความหลงใหลในเสียงดนตรี และมีแรงบันดาลใจที่จะทำอาชีพนี้ โดยฟินนีส์เริ่มมีวงดนตรีเป็นของตัวเอง ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์เองทั้งหมด โดยได้แต่งเพลงที่มีชื่อว่า Ocean Eyes โดยมีบิลลี่เป็นคนร้องและปล่อยเพลงลงในโลกออนไลน์ หลังจากนั้นก็ดังเปรี้ยงเป็นพลุแตก มียอดผู้ฟังหลายแสนคนใน 2 สัปดาห์ ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกที่ยิ่งใหญ่ของเธอ
ต่อมาในเดือนสิงหาคม 2016 บิลลี่ก็ได้เซ็นสัญญากับ Interscope Records เปิดตัวในฐานะศิลปิน และได้ปล่อยซิงเกิล Ocean Eyes และ Six Feet Under สำหรับการดาวน์โหลดและสตรีมแบบดิจิทัลในวันที่ 17 และ 18 พฤศจิกายน 2016 ตามลำดับ
ในปี 2017 บิลลี่ได้ปล่อยอัลบั้ม EP. Don’t Smile at Me ภายใต้การดูแลของค่ายเพลงอย่าง Interscope Records ซึ่งถือเป็นอัลบั้มแรกในชีวิตของเธอ และยังเป็นอัลบั้มที่บรรจุเพลงอย่าง Copycat, Bellyache, My Boy, idontwannabeyouanymore รวมไปถึง Ocean Eyes เอาไว้ โดยอัลบั้มนี้สามารถไต่ขึ้นไปอยู่อันดับที่ 14 ของ Billboard 200 ได้ อีกทั้งยังถือเป็นช่วงเวลาที่พีคที่สุดในเส้นทางอาชีพศิลปินของ บิลลี่ ไอลิช ด้วย
นอกจากอัลบั้ม EP. แล้ว บิลลี่ยังมีผลงานเพลงที่น่าสนใจอื่น ๆ ออกมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Bored (ส่วนหนึ่งของซาวด์แทร็กประกอบซีรีส์ของ Netflix เรื่อง 13 Reasons Why ซีซั่น 1), Watch, Bitches Broken Hearts, Party Favor, Lovely (ส่วนหนึ่งของซาวด์แทร็กประกอบซีรีส์ของ Netflix เรื่อง 13 Reasons Why ซีซั่น 2), You Should See Me in a Crown, When the Party's Over และ Come Out and Play
ในเดือนมีนาคม 2019 บิลลี่เปิดตัวสตูดิโออัลบั้มแรกของตัวเองในชื่อ When We All Fall Asleep, Where Do We Go? ขึ้นอันดับ 1 บน Billboard 200 และ UK Albums Chart ทำให้บิลลี่เป็นศิลปินคนแรกที่เกิดในปี 2000 ที่มีอัลบั้มอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา และเป็นศิลปินหญิงที่อายุน้อยที่สุดที่มีอัลบั้มอันดับ 1 ในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้เธอยังได้ขึ้นแสดงในเวทีระดับโลกอย่าง Coachella ในเดือนเมษายน 2019 ด้วย
เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2020 บิลลี่ได้ร่วมเขียนและร้องเพลงชื่อ No Time to Die ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ (James Bond) ในภาคที่ 25 ไม่นานหลังจากนั้นเพลงนี้ก็กลายเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ในแฟรนไชส์เจมส์ บอนด์ เพลงที่ 2 ที่ติดอันดับบนชาร์ตอย่างเป็นทางการของอังกฤษ และเป็นเพลงธีมของเจมส์ บอนด์ เพลงแรกที่ดำเนินการโดยศิลปินหญิง นอกจากนี้ยังเป็นซิงเกิลอันดับ 1 ของบิลลี่ในสหราชอาณาจักรอีกด้วย และในปีเดียวกันนั้นเอง บิลลี่ก็ได้กลายเป็นศิลปินหญิงที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้ารางวัลใหญ่จากเวทีระดับโลกอย่าง Grammy Awards ครั้งที่ 62 มาถึง 4 รางวัล คือ ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม บทเพลงแห่งปี บันทึกยอดเยี่ยมแห่งปี และอัลบั้มแห่งปี
ต่อมาในวันที่ 30 กรกฎาคม 2021 บิลลี่ได้ปล่อยสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 2 มาในชื่อ Happier Than Ever ซึ่งประกอบด้วย 5 ซิงเกิล ได้แก่ My Future, Thatfore I Am, Your Power, Lost Cause และ NDA
จากวันแรกที่บิลลี่ก้าวเข้ามาสู่วงการเพลงจนถึงวันนี้ เธอได้กลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการเพลง อัลบั้มของเธอถูกขายออกไปแล้วกว่า 3 ล้านชุด ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 7.9 ล้านแผ่นทั่วโลก ทั้งในปัจจุบันเพลงของบิลลี่ยังมียอดสตรีมหรือยอดฟังรวมกันบนแพลตฟอร์มอย่าง Spotify และ YouTube มากกว่า 4 พันล้านครั้ง (ข้อมูลวันที่ 30 มิถุนายน 2022) ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงถึง 10 สาขา และชนะรางวัล Grammy Awards ถึง 7 รางวัล
ล่าสุดในงานประกาศผลออสการ์ 2024 บิลลี่ ได้รับรางวัลออสการ์สาขาบทเพลงประกอบยอดเยี่ยมสำหรับเพลง What Was I Made For? จากภาพยนตร์เรื่อง Barbie ร่วมกับพี่ชาย Finneas O’Connell ซึ่งถือเป็นออสการ์ตัวที่สองของเธอเลย
ผลงาน Billie Eilish
Studio Albums
- When We All Fall Asleep, Where Do We Go? (2019)
- Happier Than Ever (2021)
Live Albums
- Live at Third Man Records (2019)
Extended Plays
- Don't Smile at Me (2017)
- Guitar Songs (2022)
Live Extended Plays
- Up Next Session : Billie Eilish (2017)
- Billie Eilish Live at the Steve Jobs Theater (2019)
- Prime Day Show x Billie Eilish (2021)
- Apple Music Live : Billie Eilish (2022)