x close

เผย 9 เรื่องน่าสนใจ กว่าจะมาเป็นวันนี้ของ "เขียนไขและวานิช"

          หากได้รู้จักตัวตนของ “เขียนไขและวานิช” จะรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่นักร้อง-นักแต่งเพลง “แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร” หากแต่เป็นชายหนุ่มผู้มีคำว่า ศิลปะอยู่เต็มหัวใจ
แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร ใจพี่จมแทบพสุธา…

         ถ้อยคำที่ฉงนหูบรรเลงคลอไปกับท่วงทำนองดนตรีช้า ๆ ผ่านเนื้อเสียงนุ่มละมุนผสมกับวัจนภาษาที่เล่นคำอย่างสละสลวย ทำให้ใครหลายคนสนใจและเกิดคำถามว่า ใครคือเจ้าของบทเพลงนี้ ? เพราะนอกจากตามคลื่นวิทยุที่เพียรเปิดในทุกช่วงดีเจ เพลงนี้ยังสร้างกระแสในเวลาเพียงไม่นานจนมีศิลปินนำไปร้องบนเวทีประกวด ตามผับ ตามบาร์ และคัฟเวอร์ลงยูทูบกันมากมาย นั่นจึงเป็นสิ่งที่กระตุ้นความอยากรู้ (อยากเห็น) อยากรู้จักกับศิลปินที่แต่งเพลงนี้ จากการสืบหาข้อมูล จึงได้ความว่า เขาคนนั้นก็คือ เจ้าของนามปากกา “เขียนไขและวานิช” ศิลปินหนุ่มโฟล์กซองสายดาร์ก ที่ทั้งเก่งในด้านบทเพลง และยังมีความสามารถทางศิลปะที่น่าค้นหาซะเหลือเกิน และวันนี้กระปุกดอทคอมจะพาเพื่อน ๆ สายดนตรีและศิลปะ ไปทำความรู้จักกับ “เขียนไขและวานิช” ให้มากยิ่งขึ้น ผ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเหล่านี้กันค่ะ
 

เขียนไขและวานิช

1. เขียนไขและวานิช คือใคร ?

          เขียนไขและวานิช เป็นนามปากกาของ “โจ้ สาโรจน์ ยอดยิ่ง” ศิลปินและนักดนตรีหนุ่มชาวเชียงใหม่ ที่คร่ำหวอดในวงการดนตรีโฟล์กมานานหลายปี โจ้เป็นนักดนตรีที่มีความสามารถ ทั้งร้อง เล่นกีตาร์ และแต่งเพลง หากได้เคยฟังเพลงของเขาก็จะรู้ได้ทันทีว่า จุดเด่นก็คือ เสียงนุ่ม ๆ ผสมกับท่วงทำนองดนตรีแบบง่าย ๆ เน้นถ่ายทอดความรู้สึกสื่อความหมายที่พร้อมจะทำให้คนฟังได้ดำดิ่งไปกับความเศร้าเคล้าความเจ็บปวดที่เขาได้เขียนขึ้น โจ้เริ่มเข้าสู่วงการเพลงตั้งแต่สมัยเรียน ราว ๆ ปี พ.ศ. 2553 จนมาตอนนี้มีบทเพลงที่แต่งขึ้นกว่า 40 เพลงไปแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก จนมาถึงวันที่วลีในเพลงที่ว่า “แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร”  ที่จุดชนวนให้เขากลายเป็นกระแสและเป็นที่รู้จักกับผู้คนในวงกว้างมากขึ้น พร้อมทั้งฉุดให้ผลงานเพลงอื่น ๆ ของเขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปด้วย
 

2. ที่มาของคำว่า “เขียนไขและวานิช”

          ก่อนหน้านี้โจ้สาละวนกับการเล่นดนตรีแบบไม่มีชื่อวง คนจะรู้จักในนามว่า “สาโรจน์ หรือ โจ้” เท่านั้น จนมาวันหนึ่งในสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย อาจารย์ได้ให้ทำงานเกี่ยวกับเขียนไขและวานิช ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคของวิชาภาพพิมพ์ จึงนำมาใช้เป็นชื่อนามปากกาของเขาจนทุกวันนี้นั่นเอง
 

3. จริง ๆ แล้ว “เขียนไขและวานิช” มีสมาชิกกี่คน

          ถึงแม้ชื่อวงที่มีคำว่า “และ” จะทำให้คิดไปได้ว่ามีสมาชิก 2 คน กอรปกับเวลาที่เราได้เห็นเขาไปร้องเพลงตามที่ใด ๆ ก็มักจะเป็นแพ็กคู่ดูโอ้เสมอ แต่ความจริงแล้วมีสมาชิกเพียงหนึ่งเดียว ที่เป็นทั้งคนแต่ง คนร้อง แถมยังเล่นกีตาร์เองด้วย ส่วนบุรุษหนุ่มข้างกายอีกหนึ่งคนที่มักจะเคียงข้างกันเสมอ ชื่อว่า “เรย์” นักร้องวงสุขเสมอ ผู้เป็นเพื่อนและที่ปรึกษาในการทำเพลง หากไปที่ใดเราจึงมักจะเห็น 2 คนนี้อยู่เสมอ และในตอนนี้จาก 2 ก็เพิ่มเป็น 3 คน โดยมี “โอ๊ต อิสยา” เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคนแล้ว
 
เขียนไขและวานิช

เรย์-โจ้-โอ๊ต

4. จุดเริ่มต้นของเขียนไขและวานิช จากเรื่องราวในชีวิตสู่บทกวีอันบาดลึก

          โจ้เริ่มต้นร้องเพลงและเล่นดนตรีสมัยเรียน ปวช. ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “โก๋ บราวน์เฮ้าส์” เจ้าของแกลลอรี่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่แม้จะไม่ได้เรียนด้านเพลงมาโดยตรง แต่ก็แต่งเพลงเอง ร้องเพลงได้ จึงได้เริ่มฝึก เริ่มคิด และเริ่มแต่งเพลงเอง โดยเน้นการบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตให้เหมือนกับบทกวี เป็นบทเพลงง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน จากนั้นก็นำมาเล่นในแกลลอรี่ จนมีช่วงหนึ่งต้องไปเล่นดนตรีแทนเพื่อนคือวงอิสยา ที่ร้าน 7 Pounds แล้วเจ้าของร้านก็ชอบคนที่แต่งเพลงเองได้เลยได้เริ่มเล่นจากตรงนั้น
 

5. จุดเปลี่ยนที่ทำให้ “เขียนไขและวานิช” กลายเป็นที่รู้จักในข้ามคืน

          การทำงานเพลงมากว่า 10 ปี อาจจะทำให้ชายหนุ่มผู้นี้เริ่มมีแฟนคลับอยู่ไม่น้อยในหลายพื้นที่แถบภาคเหนือและภาคอีสานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทว่าสิ่งที่เป็นจุดฉุดประกายให้นามปากกา “เขียนไขและวานิช” ดังเปรี้ยงปร้างขึ้นมา และกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น คงต้องเอ่ยถึงกรณีที่ โอปอ หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันรายการ The Voice Thailand 2019 ได้นำเพลง “แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร” (คลิกดูคลิป) ไปร้องคัฟเวอร์ประกวดบนเวทีในรอบ Blind Audition ด้วยดนตรีและเสียงร้องนุ่มทุ้มและบาดลึกเข้าถึงอารมณ์จนทำให้กรรมการต้องหันมาถึง 4 คน นอกจากความสามารถของผู้เข้าแข่งขันเองแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เนื้อเพลงและท่วงทำนองที่ถูกหูและกินใจคนฟังและได้ทำให้ใครหลายคนเริ่มตามหาเจ้าของเพลงต้นฉบับจนยอดวิวทะลุหลักล้านภายในไม่กี่วัน รวมไปถึงฟังผลงานเพลงอื่น ๆ ตามไปด้วย จนตอนนี้ผู้ฟังได้ประจักษ์แล้วว่า เพลงของเขียนไขและวานิชนั้นล้วนมีความหมายลึกซึ้ง มีภาษาสวยงาม และมีความกลมกล่อมเป็นตัวเอง จึงทำให้เขากลายเป็นนักร้องที่มีกระแสและโด่งดังอย่างในทุกวันนี้   
 

6. จากบทเพลงสุดเสี่ยวสู่การเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ “LOW SEASON สุขสันต์วันโสด”

เขียนไขและวานิช

          กว่าจะมาเป็นเพลงที่แมสขนาดนี้ เจ้าของเพลงเคยคิดว่า “มันเสี่ยวมาก” จนอยากจะเก็บซ่อนไว้ไม่เปิดให้ใครฟังมาก่อน ทว่าวันดีคืนดีเขาได้ไปนั่งเล่นกับพี่ ๆ นักดนตรีอย่าง คลีโพ และต่าย อภิรมย์ แล้วเปิดประเด็นให้นำเพลงที่เคยแต่งไว้แต่ไม่ได้ใช้มาเล่นให้ฟังแก้เหงา จึงทำให้เขามีโอกาสหยิบยกเพลงนี้ขึ้นมาเล่น แต่ผลตอบรับกลับผิดคาด เพราะทุกคนต่างบอกว่าเป็นเพลงที่ดีและเชียร์ให้อัดใหม่ เลยตัดสินใจอัดให้ดีและแชร์ลง Soundcloud ไว้

          ที่มาที่ไปของเพลง “แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร” เกิดจากการเจอสาวน่านนางหนึ่งเมื่อตอนไปเที่ยว แม้จะหน้าสด แต่ก็ยังสวยและแก้มแดงมาก แล้วยังได้พบกับความงามใหม่ ๆ ทั้งจากบ้านเมือง วัฒนธรรม และผู้คน จึงนั่งเขียนเป็นบทเพลงแบบเขิน ๆ ใช้เวลาไม่นานก็ได้ออกมาเป็นเพลงรักสุดโรแมนติกที่ปัจจุบันดังถล่มทลาย มียอดวิวทะลุหลักล้านภายในไม่กี่วัน และที่สำคัญ บทเพลงเสี่ยว ๆ นี้เองถูกนำไปประกอบโฆษณา รวมถึงภาพยนตร์ Low Season สุขสันต์วันโสด โดยมีถึง 3 เพลงด้วยกันนั่นคือ ภาพฝันในจักรวาล, แก้มน้องนั้นแดงกว่าใคร และหนีห่าง
 

7. ถอดความเศร้าให้เป็นเพลง แนวเพลงสุดดาร์กของเขียนไขและวานิช

           แม้ว่าเพลงที่ดังที่สุดอย่าง “แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร” จะเป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก ให้กลิ่นอายความโรแมนติกและโลกสีชมพู แต่ความจริงแล้วแนวเพลงที่ถนัดและเป็นเอกลักษณ์ของเขียนไขและวานิช คือ แนวเพลงดาร์ก ๆ จากความที่เป็นคนค่อนข้างเศร้า เลยชอบเอาเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตและการเดินทางที่เจอมาเขียนใส่ลงในบทเพลง และเพลงที่ให้ความรู้สึกจมดิ่งมากที่สุด คงต้องยกให้กับ “หนีห่าง” ที่ถือได้ว่าเป็นเพลงโปรดของบรรดาคนเศร้าเคล้าน้ำตาเลยทีเดียว
 

8. ภาพวาดเขียนไขและวานิช อีกมุมมองที่น่าสนใจที่ไม่ใช่แค่ร้องเพลง

          ย้อนความกลับไปสมัยมหาวิทยาลัย โจ้ได้เรียนเกี่ยวกับภาพพิมพ์และเคยฝึกงานที่แกลลอรี่ จนได้เกิดเป็นชื่อนามปากกา “เขียนไขและวานิช” ที่มาจากเทคนิคการวาดภาพสกรีนตะแกรงไหม (Silk Screen) ในวิชาภาพพิมพ์ ฉะนั้นนอกเหนือจากการแต่งเพลง ร้องเพลง และเล่นดนตรีแล้ว เขายังมีความสามารถด้านศิลปะอีกด้วย
 
เขียนไขและวานิช

9. เปิดเพลย์ลิสต์เพลงของเขียนไขและวานิชที่ (ไม่อาจ) ซุกซ่อนไว้

          นอกจากเพลงแก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใครแล้ว เขียนไขและวานิช ยังมีเพลงดี น่าฟัง ทำนองเสนาะหูอีกมากมาย แต่ส่วนใหญ่จะค่อนข้างดาร์ก เช่น หนีห่าง, บันทึก, อาจจะเพียง, ตามกาลเวลา และภาพฝันในจักรวาล ทว่าถึงเศร้าแค่ไหนก็ยังเป็นเพลงที่ไพเราะและมีเนื้อหาลึกซึ้ง เพราะเขาแต่งจากประสบการณ์ต่าง ๆ แถมยังชอบเล่นสัมผัสและมีคำเปรียบเปรยที่สละสลวย ซึ่งหากอยากตามหารายชื่อเพลงของเขียนไขและวานิชให้ครบทั้งหมด เรารวบรวมมาไว้ให้ด้านล่างนี้แล้วค่ะ

  • แก้มน้องนางนั้นเเดงกว่าใคร
  • ภาพฝันในจักรวาล
  • อาจจะเพียง
  • บอกลา
  • ต่อไปนี้
  • ตามกาลเวลา
  • สาย
  • แต่เวลาไม่หยุดรอ
  • หนีห่าง
  • การให้
  • สิบล้อที่หายไป
  • บันทึก
  • มัวแต่คิด
  • ผ่านแล้วผ่านไป
     

3 เพลงประกอบภาพยนตร์ Low Season สุขสันต์วันโสด

  • ภาพฝันในจักรวาล
  • แก้มน้องนั้นแดงกว่าใคร
  • หนีห่าง
     

          มาถึงตรงนี้คงต้องยอมรับเลยว่า เขียนไขและวานิชเป็นศิลปินอีกหนึ่งคนที่มีเสน่ห์ มีความสามารถ และน่าค้นหา เชื่อว่าจากเรื่องราวต่าง ๆ คงทำให้หลายคนสมัครใจเป็นแฟนคลับเขาได้ไม่ยาก แต่นอกจากเพลงแก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใครแล้ว ก็อย่าลืมตามไปฟังเพลงอื่นให้ครบด้วยนะคะ รับรองไพเราะ เสนาะหู แล้วจะหลงรักชายหนุ่มผู้นี้เข้าอย่างจัง
 

ข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก เขียนไขและวานิช
fungjaizine
happeningandfriends
adaymagazine
medium
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เผย 9 เรื่องน่าสนใจ กว่าจะมาเป็นวันนี้ของ "เขียนไขและวานิช" อัปเดตล่าสุด 9 มีนาคม 2563 เวลา 13:24:25 99,344 อ่าน
TOP