ภาพจาก KEVIN WINTER / AFP
เปิดชีวิต เชสเตอร์ เบนนิงตัน ฟรอนท์แมน Linkin Park นักร้องดังแห่งยุค 2000 ก่อนจบชีวิตช็อกโลก กับอดีตสุดขมขื่น และความสูญเสียของวงการดนตรี
ถือเป็นข่าวช็อกของวงการดนตรีอย่างแท้จริง เมื่อ เชสเตอร์ เบนนิงตัน (Chester Bennington) ฟรอนท์แมนของ Linkin Park เสียชีวิตด้วยการผูกคอตาย ภายในบ้านพักที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 และแทบไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์น่าเศร้านี้ขึ้น เพราะวงของเขาก็เพิ่งจะปล่อยอัลบั้มใหม่ชุดที่ 7 อย่าง One More Light ออกมาเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมานี้เอง
หากจำกันได้ในปีนี้ ก็เพิ่งมีนักร้องชั้นนำที่ฆ่าตัวตายมาแล้วได้แก่ คริส คอร์แนล ฟรอนท์แมนวง Soundgarden และ Audioslave ซึ่งที่ผ่านมา คริส เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทและไอดอลของ เชสเตอร์ โดยทั้งคู่มีความสนิทกันมากจนเคยออกทัวร์ด้วยกันมาแล้ว และในงานศพของ คริส นั้น เชสเตอร์ ก็เป็นผู้ร้องเพลง Hallelujah รวมถึงยังเขียนจดหมายอำลาการตายของ คริส ว่า "คุณเป็นแรงบันดาลใจให้กับผมในหลายทางที่คุณคงไม่รู้ และผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าโลกที่ไม่มีคุณเป็นอย่างไร" และจากการที่ เชสเตอร์ ฆ่าตัวตายในวันคล้ายวันเกิด 53 ปี ของ คริส พอดี ทำให้มีการสันนิษฐานว่าการตัดสินใจของ เชสเตอร์ ครั้งนี้คงจะเกี่ยวพันกับการจากไปของ คริส เพื่อนสนิทของเขา
อดีตอันแสนทรมานของ เชสเตอร์
ภาพจาก KEVIN WINTER / AFP
เชสเตอร์ เบนนิงตัน เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2519 ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา เขามีชีวิตวัยเด็กที่ทุกข์ทรมาน โดยเฉพาะการถูกเพื่อนชายที่อายุมากกว่าทำร้ายร่างกาย และล่วงละเมิดทางเพศ ตั้งแต่ตอน 7 ขวบ มาจนถึงอายุ 13 ปี โดยเขาไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวจะถูกตราหน้าว่าเป็นเกย์ หรือ คนโกหก
เรื่องดังกล่าวส่งผลต่อสภาพจิตใจของเขาถึงขั้นอยากฆ่าคนและหนีไปให้ไกล นอกจากนี้ที่โรงเรียน เชสเตอร์ ยังถูกกลั่นแกล้ง รวมถึงโดนซ้อมอยู่เสมอ เนื่องจากเพื่อนวัยเด็กมองว่าเขาประหลาด จากร่างกายที่ผอมแห้งของเขา อย่างไรก็ดีเขาเลือกที่จะเยียวยาตนเองด้วยการวาดภาพ เขียนกลอน และแต่งเพลง
หลังจากพ่อ-แม่ ของเชสเตอร์ หย่าร้างกัน สร้างความซึมเศร้าให้กับเขามาก จนต้องหันไปพึ่งยาเสพติดหลายชนิด จนกลายเป็นคนติดยา ซึ่งตอนอายุ 17 เขาถึงขั้นถูกแม่หักดิบไม่ให้ออกจากบ้านเพราะอาการติดยาของเขา แต่ในช่วงวัยนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ เชสเตอร์ หันหน้าเข้าสู่วงการดนตรีอย่างจริงจัง
ภาพจาก KEVIN WINTER / AFP
ชีวิตในวงการดนตรี
เชสเตอร์ เริ่มต้นด้วยการเป็นนักร้องให้กับวง Sean Dowdell and His Friends? ก่อนจะมาอยู่กับ Grey Daze วงแนวโพสต์-กรันจ์ ซึ่งผลิตอัลบั้มออกมา 3 ชุด จากนั้นได้ออกจากวงและมาคัดเลือกเป็นสมาชิกวง Linkin Park ในปี 2541 ที่เป็นวงแนวใหม่ในสมัยนั้น ซึ่งเรียกแนว นู-เมทัล และเมื่ออัลบั้มแรกอย่าง Hybrid Theory ถูกปล่อยออกมาเมื่อปี 2543 ก็ประสบความสำเร็จล้นหลาม และถือเป็นจุดเปลี่ยนของวงดนตรีหน้าใหม่นี้ไปตลอดกาล
ด้วยสไตล์การร้องด้วยการแผดเสียง ใช้เสียงสูง และสื่ออารมณ์อย่างลึกซึ้งของ เชสเตอร์ กลายมาเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Linkin Park และเป็นเอกลักษณ์ที่แฟนเพลงประทับใจ จนมีกระแสตอบรับดีต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน Linkin Park มีอัลบั้มอย่างเป็นทางการทั้งหมด 7 ชุด ได้แก่ Hybrid Theory, Meteora, Minutes to Midnight, A Thousand Suns, Living Things, The Hunting Party และ One More Light แม้ในช่วงหลังจะมีแฟนเพลงบางกลุ่มไม่พอใจที่วงเปลี่ยนแนวทางโดยทำดนตรีให้้ฟังง่ายมากขึ้นก็ตาม
ชีวิตส่วนตัว
เชสเตอร์ แต่งงานครั้งแรกกับ ซาแมนธา มารี โอลิท เมื่อปี 2539 ก่อนจะหย่าร้างไปเมื่อปี 2548 จากนั้นเขาก็ได้แต่งงานกับ ทาลินดา แอน เบนท์ลี่ย์ อดีตนางแบบ Playboy และคบหากันมาจนถึงปัจจุบัน โดย เชสเตอร์ มีลูกทั้งหมด 6 คน
วงการดนตรีแห่ไว้อาลัย
หลังมีข่าวว่า เชสเตอร์ ฆ่าตัวตายในวัยเพียงแค่ 41 ปี ตอนแรกทั่วโลกต่างแทบไม่เชื่อเรื่องนี้ จนกระทั่ง ไมค์ ชิโนดะ Mike Shinoda ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นเพื่อนร่วมวง Linkin Park ออกมาทวีตยืนยัน ระบุว่า ข่าวนี้เป็นเรื่องจริง ซึ่งเขารู้สึกช็อก และใจสลายอย่างมาก ซึ่งหลังจากนั้นเหล่าคนดนตรีชั้นนำ รวมถึงผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลก ก็ได้มีการโพสต์แสดงความเสียใจให้ เชสเตอร์ เป็นจำนวนมาก รวมถึงเหล่าแฟนเพลงที่ติดแฮชแท็ก #RIPChesterBennington เพื่อเป็นการไว้อาลัย และระลึกถึงการจากไปของนักร้องนำผู้เป็นที่จดจำของแฟนเพลงทั่วโลกรายนี้
ภาพจาก Christopher Polk / AFP
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Linkin Park, Instagram chesterbe