Diana Krall
ศิลปินสาวเสียงละมุน และนักเปียโนแจ๊ส Diana Krall กับอัลบั้มใหม่ Wallflower โปรดิวซ์โดยสุดยอดโปรดิวเซอร์ 16 รางวัลแกรมมี่ David Foster เขาและเธอได้ร่วมกันนำเพลงป็อปสุดคลาสสิคตลอดกาลมาถ่ายทอดผ่านการตีความในบทใหม่ พร้อมพาคุณดำดิ่งกับบทเพลงอันไพเราะ 5 กุมภาพันธ์ นี้ (ยูนิเวอร์แซล มิวสิค)นักเปียโนแจ๊สและนักร้องสาวเจ้าของ 5 รางวัลแกรมมี่ กลับมาพร้อมสตูดิโออัลบั้มใหม่ Wallflower (Verve Records) มีกำหนดวางจำหน่ายใน 5 กุมภาพันธ์นี้ Wallflower คืออัลบั้มที่ได้รวบรวมเพลงจากปลายยุค 60’s จนถึงยุคปัจจุบัน ที่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับ Diana ในช่วงที่เธอยังเป็นเด็ก โปรดิวซ์โดย โปรดิวเซอร์เจ้าของ16 รางวัลแกรมมี่อย่าง David Foster
"ฉันต้องยกเครดิตสำหรับอัลบั้มนี้ให้กับ David Diana Krall กล่าว "เขาพูดเสมอว่า มาร่วมงานกันเถอะ และพอได้เวลาที่เหมาะเจาะ ฉันก็ได้ทำงานร่วมกับเขา และปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่เขาถนัดมากที่สุด เขาดูแลในส่วนของการเรียบเรียงทั้งหมดและเล่นเปียโนในอัลบั้มนี้ด้วย เขาทำให้ฉันทึ่งไปเลยล่ะ ฉันรู้มาตลอดว่า David เป็นคนเก่งมาก และฉันยิ่งชื่นชมเขามากขึ้นไปอีกสำหรับพรสวรรค์ที่เขามี ในฐานะโปรดิวเซอร์และนักดนตรี"
ความรู้สึกนี้ พิสูจน์แล้วว่าเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายรู้สึกเช่นเดียวกัน "การทำงานร่วมกับ Diana มันยอดเยี่ยมมากเลยล่ะ" Foster กล่าว "ผมเคยสงสัยมาตลอดว่าการทำงานกับเธอจะเป็นอย่างไร ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ เพราะว่าผมใช้ชีวิตในโลกของ Pop แต่ Diana ใช้ชีวิตอยู่ในโลกของ jazz หรืออย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่เราเข้าใจ แต่อย่างหนึ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับ Diana คือหลังจากที่ได้รู้จักเธอมานานกว่า 25 ปี เธอคือ นักร้องป็อปที่โดดเด่นอย่างแท้จริง ความสามารถในการก้าวข้ามมายังโลกของเพลงป๊อบนั้น มันเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม และผมเชื่อว่า Diana ก็รู้เรื่องนี้มาโดยตลอด เธอพยายามนำหน้าเราไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว"
อัลบั้มนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงการริเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ ด้วยการตีความของเธอเองกับบทเพลงป็อปอมตะที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล และหลังจากที่อัลบั้มได้ปล่อยดาวน์โหลดบน iTunes เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา อัลบั้ม Wallflower ก็ครองอันดับ 1 ในเมืองไทยได้สำเร็จ
ในอัลบั้มนี้ Diana Krall ได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่เธอได้รับ กับเสียงร้องที่นุ่มทุ้ม และไพเราะสวยงาม เธอได้เลือกเพลงคลาสสิคยอดฮิตมาร้องหลายต่อหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น California Dreaming ของ The Mamas and the Papas, Desperado ของ The Eagles, บทเพลงสุดอมตะที่เธอโปรดปรานของฮีโร่ทางดนตรีของเธออย่างเพลงของ Bob Dylan ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับชื่ออัลบั้ม Wallflower และเพลงของ Elton John Sorry Seems To Be The Hardest Word อัลบั้มนี้ยังได้รวบรวมเพลงที่เป็นเพลงฮิตอย่าง Don’t Dream It’s Over ของ Crowded House และยังมีเพลงที่แต่งใหม่ของ Paul McCartney If I Take You Home Tonight
นอกจากนี้เธอยังได้ร่วมดูเอ็ท Michael Bublé ที่เพิ่งมาเปิดคอนเสิร์ตในบ้านเราในเพลง Alone Again (Naturally) Diana Krall & Michael Bublé และร่วมดูเอ็ทกับ Bryan Adams ผู้ทีเป็นทั้งเพื่อน และผู้ถ่ายภาพโปรโมทอัลบั้มนี้ให้กับ Diana Krall ในเพลง Feels Like Home, Diana Krall & Bryan Adams อีกด้วย
Diana Krall มีความเป็นศิลปินที่โดดเด่น และมีสไตล์ทางดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้เธอกลายเป็นศิลปินคนหนึ่งที่น่าจดจำมากที่สุดในยุคนี้ เธอยังมียอดขายอัลบั้มมากกว่าศิลปินแจ๊สหญิงคนอื่น ๆ ในรอบสามสิบปีที่ผ่านมา ทำให้เธอเป็นศิลปินคนหนึ่งที่มียอดขายดีที่สุดและเป็นที่รักมากที่สุดในยุคของเธอเอง
อัลบั้มใหม่ชุดนี้ เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดแรกหลังจากปี 2012 ที่เธอได้ออกอัลบั้ม Glad Rag Doll โปรดิวซ์โดย T Bone Burnett ซึ่งเดบิวต์ที่อันดับ 6 บนชาร์ต the Billboard 200 และครองอันดับ 1 บน the Jazz Albums chart นอกจากนี้ Diana Krall ยังเป็นศิลปินแจ๊สเพียงคนเดียวที่มี 8 อัลบั้มท็อปชาร์ต the Billboard Jazz Albums อีกด้วย
ล่าสุด เธอคว้ารางวัลทางดนตรีมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รางวัล Grammy® Awards 5 รางวัล, รางวัล Juno® Awards 8 รางวัล และยังได้รับรางวัลจากยอดขายเป็นรางวัลอัลบั้มระดับ Gold 9 รางวัล, รางวัลแพลทตินั่ม 3 รางวัลและรางวัลมัลติแพลทตินั่ม 7 รางวัล
ฟังเพลง ข่าวเพลง MV เพลงฮิต คลิกเลยค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
