x close

ย้อนความทรงจำกับคนสำคัญในใจ ตูน บอดี้สแลม

ตูน บอดี้สแลม

ตูน บอดี้สแลม

ตูน บอดี้สแลม


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทีวีบูรพา

         ณ ชั่วโมงนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักชายหนุ่มร่างผอมผู้ครองใจแฟนเพลงร็อคมากที่สุดในยุคนี้..."ตูน บอดี้สแลม" หรือ "อาทิวราห์ คงมาลัย" น่าสนใจไม่น้อย ที่เด็กน้อยซึ่งเคยวิ่งเล่นตามท้องนาในเมืองสุพรรณบุรีคนหนึ่ง เล่นกับลูกคนงานในโรงสีบ้าง ปีนกระสอบข้าวบ้างตามประสาเด็กทั่วไปมาวันนี้กลับกลายเป็นร็อคสตาร์ผู้โด่งดัง และเป็นไอดอลของเด็กรุ่นใหม่หลาย ๆ คน

         ตูน บอดี้สแลม พารายการคนค้นฅนย้อนกลับไปในช่วงเวลาอดีต ที่หวนให้เขานึกถึงบุคคลสำคัญที่อยู่ในใจเสมอมา ซึ่งบุคคลเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ผลักดันให้เขามีชีวิตอย่างที่เป็นในวันนี้ แม้หลายคนจะผ่านมาแล้วผ่านไป แต่ก็ยังคงทิ้งไว้ซึ่งความทรงจำอันงดงาม และทำให้คนเหล่านี้กลายมาเป็นผู้อยู่ในใจของตูน ที่ไม่ว่าครั้งใดที่นึกถึงอดีตจะต้องมีบุคคลเหล่านี้รวมอยู่ด้วยเสมอ

          ..."ครูละเอียด สดคมขำ" และ "ครูสมเกียรติ ถนอมผล" คุณครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ของ ตูน ยังคงจำเด็กชายอาทิวราห์คนนี้ได้ดี เขาเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่นั่งอยู่หน้าห้อง มักจะชอบวิ่งมานั่งเท้าคางมองหน้าครูที่โต๊ะ พอถามว่ามีอะไร เด็กชายตัวเล็ก ๆ คนนี้ ก็จะตอบปฏิเสธและวิ่งออกไป กลายเป็นภาพที่คุณครูจดจำได้ดี

          คุณครูต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เด็กชายอาทิวราห์เป็นคนสุภาพ ไม่เคยพูดก้าวร้าว เป็นคนนิ่ง และมีสมาธิในการเรียน และทุกคนก็รู้สึกดีใจที่วันนี้ ตูน กลายเป็นไอดอลของเด็ก ๆ หลายคนในยุคนี้

ตูน บอดี้สแลม


         และเมื่อพูดถึงชีวิตในห้องเรียนแล้ว อีกคนหนึ่งที่ ตูน ยังคงจำเขาได้ดีก็คือ "ประนอม (โยธิน) พูลกำลัง" เพื่อนซี้ที่นั่งคู่กับตูนมาตลอด 2 ปี... ตูน จำได้ว่า เพื่อนคนนี้เป็นคนเรียบร้อยมาก ซึ่งดูเหมือนว่า ตัวเองจะชอบแกล้งเขาด้วย ทีมงานจึงได้พา ตูน ไปพบเพื่อนซี้คนนี้อีกครั้ง หลังจากแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตัวเองตั้งแต่เรียนจบชั้น ป.6

          ทันทีที่ได้พบหน้าประนอม ร็อคเกอร์หนุ่มรู้สึกดีใจ และมีความสุขมาก ขณะที่ ประนอม ก็บอกว่า ตื่นเต้นที่จะเจอเพื่อนคนนี้อีกครั้ง และเขายังจำตูนได้ เพราะเคยเห็นในทีวีบ่อย ๆ ก่อนจะหยิบภาพเก่า ๆ ที่เคยถ่ายไว้สมัยเรียนมานั่งย้อนความหลัง ทำให้ ตูน และประนอม ได้ย้อนรำลึกถึงมิตรภาพที่ห่างหายไปนานกว่า 20 ปี

          ประนอม บอกว่า สมัยนั้น ตัวเขาเองมาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน ส่วนที่บ้านของ ตูน จะมีฐานะดีกว่า ตอนแรก ๆ เขาก็ค่อนข้างปิดกั้นตัวเอง เพราะรู้ว่าตัวเองยากจน ไม่มีเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ แต่ ตูน กลับไม่ถือตัว ไม่ได้แบ่งแยกความรวย ความจน และยังช่วยเหลือเขาเสมอ ๆ เขาจึงประทับใจในตัวของเพื่อนคนนี้มาก

          หลังจากเรียนจบชั้นประถมศึกษา ตูน ก็ได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งที่นี่เป็นเหมือนกับจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ตูน ก้าวเดินเข้าสู่เส้นทางดนตรี เพราะตูนได้มีโอกาสเข้าไปเป็นนักร้องในวงดนตรีของโรงเรียน และได้รู้จักกับเพลงหลากหลายแนวมากขึ้น จากที่เคยฟังแต่เพลงลูกทุ่ง ก็หันมาฟังเพลงฝรั่งเหมือนที่เพื่อน ๆ ฟังบ้าง

          แม้จะโดนดูถูกว่าสำเนียงไม่ได้ แต่ตูนก็ไม่ได้โกรธเพื่อน กลับใช้คำดูถูกเหยียดหยามนั้นเป็นพลังผลักดันตัวเองให้ฝึกซ้อมอย่างหนัก จนในที่สุดทุกคนในวงก็ยอมรับว่า เขาสามารถทำได้ ซึ่ง ตูน บอกว่า ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าสำหรับเขาเป็นอย่างมาก





          และคนที่เคยพูดดูถูก ตูน จนทำให้เขามีแรงฮึดสู้ก็คือ "กฤษนะ รัตนพัฒน์" เพื่อนที่เป็นมือกลองในวงดนตรี ที่วันนี้เขามาพบ ตูน อีกครั้ง พร้อมกับ "อริน เจียจันทร์พงษ์" มือกีตาร์ในวงดนตรีอีกคน ทั้งสามคนจึงได้รำลึกความหลังสมัยที่ก่อตั้งวงดนตรีในโรงเรียนด้วยกัน ซึ่งก่อให้เกิดความประทับใจในมิตรภาพมากมาย

         "อริน" หรือ จุ๊ เล่าถึงตูนว่า ตอน ม.ต้น ตูนจะร้องแต่เพลงลูกทุ่ง เลยชวนตูนมาร้องเพลงร็อค เพราะรู้ว่าเขาเสียงดี แต่ตอนแรกตูนก็ปฏิเสธ จึงหยิบเทปของ Aerosmith ไปให้ฟัง และหลอกตูนว่า นี่เป็นเสียงของฝรั่งแถวห้องซ้อม อยากชวนตูนมาร้องด้วย แล้วตูนก็เชื่อ นี่ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการที่ตูนได้สนใจเพลงร็อค ซึ่งตูนจะเป็นคนที่เวลาสนใจอะไรจะมุ่งมั่นมาก หมั่นเอาเทปมานั่งฟังแล้วซ้อมกับตัวเองทุกครั้งที่มีเวลา

          "ถ้าให้นึกถึงเพื่อนคนนี้ แวบแรกเราจะคิดถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ แล้วก็ทำอย่างจริงจัง ผมว่าเขาเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ สำหรับในการทำอะไรในชีวิต" อริน พูดถึง ตูน

          ขณะที่ กฤษนะ หรือ ดำ ก็บอกว่า "จริง ๆ ที่ผมแซวตูนไปก็แค่แป๊บเดียว แต่เขากลับจำจนวันตาย (หัวเราะ) ซึ่งต้องบอกว่า ตูนเป็นนักร้องที่ผมเล่นด้วยแล้วแฮปปี้ที่สุด พูดถึงเรื่องบนเวที ตูนเป็นคนที่พูดน้อยมากบนเวที แต่เราสามารถฝากเวทีนี้ไว้กับตูนได้ เพราะผมนั่งอยู่หลังสุดก็จะเห็นว่าเขาเอาอยู่ ก็ดีใจ"

          เมื่อฟังเพื่อนในวงพูดถึงตัวเองไปแล้ว ตูน บอดี้สแลม ก็ขอพูดถึงเพื่อนบ้างว่า "ต้องขอบคุณเพื่อนทั้งสองคนที่ให้โอกาสผมเป็นเพื่อน และให้โอกาสผมได้ถือไมค์ร้องเพลงในวงของเขา เพราะคนที่ถือไมค์ต้องเป็นคนที่สื่อสารให้ได้คนอื่นรับรู้ในนามวง ก็เหมือนกับต้องทำให้สมศักดิ์ศรีในนามของวงเขา ซึ่งเพื่อน ๆ ก็ได้ให้โอกาสผมได้ลองผิดลองถูก ให้โอกาสเราเรียนรู้ในเพลงซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าให้เราได้ร่วมสนุกและเป็นทีมเวิร์กเดียวกันได้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เราเดินมาบนเส้นทางนี้ได้"


ตูน บอดี้สแลม

          นอกจากเพื่อน ๆ ในวงจะเป็นแรงบันดาลใจให้ ตูน ก้าวเดินต่อไปบนถนนสายดนตรีแล้ว ในรั้วสวนกุหลาบฯ แห่งนี้ ยังทำให้ ตูน ได้เจอกับ ป๊อด โมเดิร์นด็อก ที่เคยมาแสดงคอนเสิร์ตในโรงเรียน และพี่ป๊อด ก็คือคนมีส่วนสำคัญที่ทำให้ตูนได้มีแนวของตัวเองอย่างที่เขาเป็นทุกวันนี้ โดยตูนบอกว่า ตอนที่ดูการแสดงของพี่ป๊อด เขายืนนิ่ง ๆ เพราะมันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นตลอดเวลา พี่ป๊อดทำอะไรหลายอย่างที่ฉีกแนวบนเวทีคอนเสิร์ตที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เปิดโลกใบใหม่ของเขาได้ทึ่ง ซึ่งก็มีผลต่อเขามาจนถึงทุกวันนี้

          "สำหรับตัวเองเริ่มต้นจากความชอบที่จะร้องเพลง พอเราชอบได้ร้องเพลงเยอะ ๆ เราจะรู้สึกรักมัน มันทำให้เรามีความสุข เป็นกิจกรรมยามว่างที่เราชอบ แล้วอยู่ ๆ ดี ดนตรีมันก็พาเราเดินทางมาไกลมาก และกำลังจะพาเราเดินทางต่อไปในที่ใหม่ ๆ เสมอ ซึ่งมันก็น่าตื่นเต้นเสมอ ตราบใดที่เรายังไม่หยุดที่จะมีความสุขไปกับมัน แต่ตนก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นที่ไหน อย่างไร รอให้มันพาเราไปเอง ไม่น่าเชื่อว่า เด็กที่นั่งตุ๊กตุ๊กไปซ้อมดนตรี วันนี้จะเป็นแบบนี้" ตูน เล่าถึงเส้นทางการเป็นนักดนตรี

            จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ชีวิตของ ตูน บอดี้สแลม ที่กลายมาเป็นร็อคสตาร์แถวหน้าของเมืองไทย ส่วนหนึ่งนอกจากความมุ่งมั่นที่ตัวเขามีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า บุคคลที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขามากมาย ในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต ล้วนมีส่วนผลักดันให้ ตูน ก้าวขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด นั่นก็คือการได้ร้องเพลง และเล่นดนตรีที่เขารัก และได้ทำทุกอย่างอย่างมีความสุขอย่างเช่นทุกวันนี้

          "ผมคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันหล่อหลอม ถึงแม้จะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีก็ตาม มันหล่อหลอมให้เราได้มาเป็นตัวของเราแบบนี้ ได้มาพูดจาแบบนี้ ได้มารู้สึกนึกคิดแบบนี้ จริง ๆ ต้องขอบคุณทุกช่วงเวลา ทุก ๆ คนที่เข้ามาในชีวิตไม่ว่าจะช่วงวัยนั้น ทุกคนและทุกช่วงเวลามีคุณค่าในตัวเอง ที่สุดแล้ว ความทรงจำต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เราควรเก็บมันไว้หมด แล้วถ้าเราคิดที่จะนึกถึงมัน คิดที่จะเลือกใช้มันเป็นพลังในอนาคต ผมคิดว่า เรื่องราวทุกเรื่องราวให้ประโยชน์กับเราได้ ไม่มากก็น้อย..." ตูน ทิ้งท้าย








ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ย้อนความทรงจำกับคนสำคัญในใจ ตูน บอดี้สแลม อัปเดตล่าสุด 30 กรกฎาคม 2555 เวลา 17:00:34 3,355 อ่าน
TOP