x close

ทัวร์บ้าน แอ๊ด คาราบาว พร้อมจับเข่าคุยมุมมองชีวิต - การเมืองไทย




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก รายการที่นี่หมอชิต

          บทเพลงมากกว่าร้อยบทเพลงของ "วงคาราบาว" ที่ถูกถ่ายทอดออกมาให้พวกเราได้ฟังกว่า 30 ปี ซึ่งนอกจากบทเพลงดังกล่าวจะถักทอร้อยเรียงถ้อยคำได้อย่างไพเราะแล้ว ยังสอดแทรกมุมมองต่าง ๆ ผ่านเนื้อเพลง ให้เราได้เห็นความเป็นไปของสังคมมาโดยตลอด... ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไร บทเพลงของวงคาราบาวก็นำมาร้องได้อย่างไม่มีตกยุค และไม่มีเบื่อ แถมยังคงความคลาสสิกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวงคาราบาวเอาไว้ด้วย... ซึ่งบทเพลงส่วนใหญ่ก็มาจากการประพันธ์ของนักร้องนำ อย่าง "แอ๊ด คาราบาว" นั่นเอง

          วันนี้ กระปุกดอทคอม ขอนำเรื่องราวที่นำเสนอออกอากาศทางรายการ "ที่นี่หมอชิต" เมื่อคืนวันที่ 22 เมษายน มาให้เพื่อน ๆ ได้เยี่ยมชม "บ้าน" ของ แอ๊ด คาราบาว ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งที่แห่งนี้นี่เอง ที่เป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับเขาได้แต่งเพลงให้พวกเราฟังกัน




          เมื่อพิธีกรอย่าง คุณดู๋ สัญญา คุณากร ก้าวเข้าไปยังบริเวณบ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้อันร่มรื่น และได้พบเจ้าบ้านอย่าง พี่แอ๊ด คาราบาว ซึ่งก็เริ่มเล่าถึงความเป็นมาเป็นไปของบ้านหลังนี้ว่า ... ตนอยู่บ้านหลังนี้ได้ประมาณ 3 ปีแล้ว ซึ่งเป็นบ้านที่ตนซื้อต่อจากชาวบ้าน ที่แต่ก่อนเป็นยุ้งข้าวมาก่อน โดยที่แห่งนี้เป็นการสร้างแบบสมัยก่อน เรียกได้ว่า มีความทนทานมาก เนื่องจากเป็นเสา 8 เหลี่ยม ส่วนตัวบ้านตนก็ออกแบบดีไซน์ใหม่ทั้งหมด (คุณดู๋แอบกระซิบบอกว่า ก่อนหน้าที่พี่แอ๊ด เป็นนักร้อง เคยทำอาชีพเป็นสถาปนิกมาก่อน) นอกจากตัวบ้านแล้ว พี่แอ๊ด ยังได้สร้างเปลี่ยนบ้านพักครูที่อยู่ในละแวกเดียวกันให้เป็นห้องพักเพื่อรับแขก อีกทั้งยังมีบ้านทรงจีนที่ออกแบบเองอีกด้วย

          พี่แอ๊ด คาราบาว เล่าต่อว่า เพื่อนของตนส่วนมากจะมาหาอยู่เรื่อย ๆ แต่จะมาช่วงบ่าย เพราะช่วงเช้าเขาจะปล่อยให้เราได้ทำงานเพลงไป ถ้าถามว่า ทำงานเพลงที่นี้มีวิธีการทำอย่างไร ตนคิดว่าสมัยนี้อะไร ๆ ก็ง่ายไปหมด เนื่องจากมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย โดยเฉพาะอัลบั้ม "กันชนหมา" ที่ตนทำคนเดียวนั้น ตนทั้งร้องเพลง เขียนเอง อัดเอง มิกซ์เองทั้งหมด ส่งไปยังทีมงาน ผ่านแอพพลิเคชั่นที่ตนซื้อมา แค่ตนมี ไมค์ กีต้าร์ แอพพลิเคชั่น และ 3G ไม่ว่าที่ไหนบนโลก ตนก็สามารถทำงานได้แล้ว แต่ถ้าเป็นสมัยก่อน ตนก็ต้องขี่จักรยานยนต์ ฝากเทป หรือซีดี ไปกับแอร์เอเชีย พอทำเสร็จก็ขี่จักรยานยนต์มารับอีก (หัวเราะ)



          นักร้องเพื่อชีวิตขวัญใจคนไทย ยังกล่าวอีกว่า อัลบั้มล่าสุดที่ตนมาทำเพลงเองคนเดียว ไม่ใช่ว่าวงแตก หรืออยากทำคนเดียวแล้วได้รับเงินเต็ม ๆ แต่อย่างใด เพียงแค่ตนอยากเขียนเพลงในมุมมองของหมา ที่ถูกคนรังแก ในรูปแบบต่าง ๆ เหมือนกับตนร้องเพลงเป็นตัวแทนของหมาเหล่านี้ อย่างเช่น เวลาคนขับรถชนหมา กันชนบุบ แต่คนกลับด่าหมา กลับเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของหมา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หมาอาจจะไม่ได้ตัดหน้า หรือคนอาจจะเป็นฝ่ายผิดก็เป็นได้ .. ตนจึงอยากเขียนเพลงเพื่อเสนอแนวคิดในมุมมองเหล่านี้



          วงคาราบาว ถือว่าเป็นวงเพื่อชีวิตชื่อดังของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ ... แต่ใครเลยจะรู้ว่า วงคาราบาว รับงานทุกอย่าง ไม่มีเกี่ยงงอน โดย พี่แอ๊ด กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า วงของตนเป็นวงรับงานทุกราชอาณาจักร ถ้ามีเงินก็มาจ้างได้แล้ว ซึ่งวงคาราบาวรับงานแปลก ๆ มาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานศพวัว งานบวช งานแก้บนต่าง ๆ บางบ้านโทรมาบอกเลยว่า ถ้าไม่เอาวงคาราบาวมาเล่น ก็จะไม่บวชก็มี (หัวเราะ) ส่วนแนวเพลงจริง ๆ แล้ว วงคาราบาวก็ทำทั้งเพื่อชีวิตที่ร้องเล่นเพื่อความสนุก และทำในเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นประกอบโฆษณา เพลงประกอบละคร หรือเพลงหาเสียงให้พรรคการเมือง เป็นต้น

          สำหรับเพลงส่วนมากของวงคาราบาวนั้น จะหยิบยกเรื่องราวที่ใกล้ตัว ผ่านมุมมองของ พี่แอ๊ด คาราบาว นำมาถ่ายทอดให้ฟัง ซึ่งบางเพลงก็มีเนื้อหาที่จิกกัดสังคม โดยเฉพาะเรื่องการเมือง โดย พี่แอ๊ด กล่าวว่า สิ่งที่ตนต้องการคืออยากให้มนุษย์เอื้ออาทรกัน ซึ่งเป็นไปได้ยาก ทุกวันนี้ปากก็บอกว่าจะปรองดอง ๆ แต่ความเป็นจริงแล้วก็มีแต่จ้องจะกัดกัน เพราะคิดว่า ตัวเองแน่กว่า ซึ่งตนคิดว่าบทเพลงของตนอาจจะช่วยได้ไม่มากเกี่ยวกับเรื่องความแตกแยกในสังคม แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้คนที่ฟังเข้าใจ และคาดว่าเพลงเหล่านั้นจะช่วยสร้างจิตสำนึกที่ดีได้



          พี่แอ๊ด กล่าวต่อว่า ในมุมมองตนเรื่องการเมืองไทย ตนคิดว่า ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่มีเสรีภาพสูง ถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ แล้ว ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่โชคดีมากเลยทีเดียว เนื่องจากบ้านเมืองของเราแทบจะไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อเพื่อห่ำหั่นกันเลย ดูอย่างประเทศจีนกว่าจะมาถึงจุด ๆ นี้ได้ เขาต้องเสียประชากรกว่า 20 ล้านคน ประเทศรัสเซียก็เสียประชากรกว่า 10 ล้านคน ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของเรา อย่าง กัมพูชา และเวียดนาม กว่าจะมาปรองดองกันได้ เขาก็ต้องแลกด้วยชีวิตคนนับหมื่นนับพันคน ส่วนประเทศไทยของเรา ถ้าเทียบความแข็งแรงในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นประเทศที่อ่อนแรงที่สุด เพราะไม่มีภูมิคุ้มกันในเรื่องเลวร้ายดังกล่าวเลย อย่างไรก็ตาม ตนมีความเห็นว่า ความปรองดองเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องเสียเลือด ถ้าเราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ แล้วลัดขั้นตอนปฏิบัติ นำบทเรียนดี ๆ เข้ามาปรับใช้ แก้สถานการณ์ต่าง ๆ ...



          นอกจากนี้ คุณดู๋ พิธีกร ยังถามพี่แอ๊ดว่า จะยึดอาชีพนักร้องไปถึงเมื่อไหร่ เนื่องจากมีเงินมากมาย และอายุเยอะแล้ว พี่แอ๊ด กล่าวว่า ตนจะเล่นจนกว่าจะไม่มีแฟนเพลง จนกว่าจะไม่มีใครจ้าง ทุกวันนี้ตนก็แต่งเพลง ร้องเพลงอย่างมีความสุข ตอนเช้าก็ออกกำลังกาย วิ่ง 4 กิโลเมตร วิดพื้น 20-30 ที เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และสามารถร้องเพลงติดต่อกัน 2-3 ชั่วโมงได้ ถ้าถามว่าตนกลัวเจ็บป่วย กลัวตายหรือไม่ ตนก็กลัวเหมือนคนอื่น ๆ  แต่ในเมื่อเราห้ามธรรมชาติไม่ได้ ก็ควรใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังตามที่พระพุทธเจ้าได้สอนไว้...

          ท้ายนี้ พี่แอ๊ด คาราบาว ได้ฝากข้อคิดเล็ก ๆ ให้กับสังคมไทยไว้ว่า ตอนนี้ตนมองสังคมบ้านเมืองของเราด้วยความเป็นห่วง ตนอยากให้ประเทศไทยก้าวข้ามผ่านปัญหาเล่านี้ไปได้ โดยไม่ใช่การห่ำหั่นจนต้องเสียเลือดเนื้อ ดังที่สุภาษิตจีนว่าไว้ว่า ถ้ามีคน ก็จะมีทุกสิ่ง แต่ถ้าคนไม่มีสติยั้งคิด เราก็จะไม่สามารถสร้างสิ่งอะไรได้เลย... เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนได้สำนึกถึงผลของสังคมที่จะตามมา ไม่ใช่เพียงแต่อยากจะเอาชนะกันเท่านั้น...




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ทัวร์บ้าน แอ๊ด คาราบาว พร้อมจับเข่าคุยมุมมองชีวิต - การเมืองไทย อัปเดตล่าสุด 24 เมษายน 2555 เวลา 09:42:17 1,901 อ่าน
TOP