x close

10 สุดยอดเพลงแห่งปี 2011 จากไทม์



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วอร์นเนอร์ มิวสิค , โซนี่ มิวสิค , killerhiphop.com , youtube.com โพสต์โดย OFWGKTA

          ได้ดูผลการจัดอันดับประจำปีจากไทม์ไปหลายอย่างแล้ว (ก็ไทม์เขาจัดอันดับเรื่องราวต่าง ๆ ในปี 2011 นี้ไว้ถึง 54 ประเภทเลยทีเดียวล่ะ) คราวนี้กระปุกดอทคอม ขอพามาดูการจัดอันดับ 10 สุดยอดเพลงแห่งปี 2011 (Top 10 Songs) กันบ้าง ...จะมีเพลงไหนไหนเข้าโผ และเพลงไหนที่ถูกใจคุณบ้าง ตามมาดูกันเลย..


  1. No Light, No Light จาก ฟลอเรนซ์ + เดอะ แมทชีน (Florence + The Machine)

          "No Light, No Light" เพลงนี้ ได้เสียงหนักแน่นมีพลังของสาวฟลอเรนซ์ มาเป็นพาวเวอร์ของเพลงได้อย่างเคย เนื้อหาเพลงที่คร่ำครวญถึงรักที่จากไป บวกกับมิวสิควิดีโอที่ทำออกมาได้แบบแปลกตา อลังการ เมื่อรวมกันทั้งตัวเอ็มวี เนื้อร้อง ทำนอง ดนตรี เพลงนี้ก็เลยได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั้งหลายกันตรึม ไม่เชื่อลองไปพิสูจน์กันจ้ะ




  2. Rolling in the Deep จาก อะเดล (Adele)

          เพลงที่บรรยายความรู้สึกร้าวรานจากการถูกคนรักหักหลัง ทำร้ายให้เจ็บปวด คงไม่มีเพลงไหนในปี 2011 ที่ทำได้ดีเท่ากับเพลง Rolling in the Deep ของนักร้องสาวเสียงสุดยอดพาวเวอร์อย่าง อะเดล อีกแล้ว ทั้งเนื้อหาเจ็บแค้น เข้าถึงอารมณ์คนบอบช้ำจากรักสุด ๆ จังหวะกลองตึบ ๆ ชวนให้ใจเต้นตาม และเสียงของอะเดลที่ไต่จากต่ำไปหาสูงได้อย่างรื่นหู พาเธอเข้าโผไปสบาย ๆ




  3. A Long Time จาก เมเยอร์ ฮอว์ธอร์น (Mayer Hawthorne)

          ฟังซาวด์พร้อมกับดูมิวสิควิดีโอเพลงแล้วนึกว่านี่มันเพลงสมัยย้อนยุคไปสมัยคุณพ่อคุณแม่ยังสาวเสียอีก แต่ที่จริงเพลงนี้เพิ่งจะปล่อยออกมาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2011 นี่เอง ผลงานเพลงจากพ่อหนุ่มดีเจที่ผันตัวเองมาเป็นนักร้อง เมเยอร์ ฮอว์ธอร์น (เป็นฝรั่งผิวขาวชาวมะกันนะ เผื่อดูเอ็มวีแล้วอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นนักร้องผิวสี) เพลงนี้ เด่นตรงซาวด์ที่ฟังแล้วให้อารมณ์ย้อนยุคนิด ๆ แต่รับรองแดนซ์ได้แบบไม่ยั้ง ไม่ว่าจะฟังในยุคไหน ๆ ก็ตามเถอะ




  4. Otis จาก เจซี และ คานเย่ เวสต์ (Jay-Z and Kanye West)

          รับประกันความฮิปของเพลงนี้ด้วยชื่อของ เจซี พ่วงมากับหนุ่มคานเย่ เวสต์ ก็รับรองว่า "Otis" นี้ออกมาถูกใจคอเพลงฮิปฮอปแน่ ๆ เนื้อเพลงสนุก ๆ มีเสียงแบ็คกราวด์กวน ๆ ถูกใจดีนักแล




  5. Super Bass จาก นิกกี้ มินาจ (Nicki Minaj)

          จะว่ากันจริง ๆ แล้ว นักร้องสาว นิกกี้ มินนาจ ก็นับเป็นสีสันในวงการดนตรีได้ไม่น้อย แถมเธอยังสามารถตีตลาดดนตรีแนวฮิปฮอปที่ส่วนใหญ่มีแต่นักร้องชายได้อีกด้วย ดูอย่างเพลงเด็ดเพลงนี้กับ Super Bass ที่ฟังแล้ว ทั้งมัน ทั้งเพลิน ทั้งสนุก แถมยังได้คำฮิตติดปากอย่าง "บูม บะ-ดูม บูม ๆ บะ-ดูม บูม เบส" กลับไปอีกด้วย :P




  6. Gangsta จาก ทูน ยาร์ดส์ (tUnE yArDs)

          ฟังรอบแรกแล้วอาจจะดูแปลกประหลาดอวกาศไปหน่อย แต่นี่ก็เป็นสไตล์การสร้างสรรค์ผลงานที่แปลก และสดใหม่ไม่เหมือนใคร จากทูน ยาร์ดส์ วงน้องใหม่จากนิว อิงแลนด์ ที่มีผลงานออกมาชุดแรกในปี 2009 สำหรับ "Gangsta" ผลงานในปี 2011 พูดถึงเสียงอึกทึกครึมโครมที่ไม่คุ้นเคย แต่ในที่สุดก็ได้พบว่าเสียงต่าง ๆ ผสมผสานกันออกมาเป็นจังหวะที่สอดประสานกันได้ เหมือนกับแนวดนตรีของวงที่ที่หลากหลาย และแปลกหู ใครชอบฟังเพลงแนวนี้ ลองไปตามหาผลงานเก่า ๆ ของเขาฟัง รับรองไม่ผิดหวัง




  7. Go Outside จาก คัลส์ (Cults)

          นี่เป็นอีกหนึ่งมิวสิควิดีโอที่ให้อารมณ์ย้อนยุค แต่สำหรับ "Go Outside" ของ คัลส์ เป็นการย้อนยุคที่อิงอยู่บนเหตุการณ์จริงจากเรื่องของ โจนส์ทาวน์ (Jonestown) เมืองในอุดมคติที่ผู้คนทั้งผิวขาวดำมีความเสมอภาคและอยู่ร่วมกันได้ ภายใต้การนำของ จิม โจนส์ แต่สุดท้ายเรื่องกลับตาลปัตรเมื่อ จิม โจนส์ บ้าอำนาจ และนำไปสู่เหตุการฆาตกรรมหมู่โดยการวางยา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 900 ราย ซึ่งเพลง "Go Outside" เมื่อฟังครั้งแรกราวกับเป็นเพลงที่ชักชวนเด็ก ๆ ออกไปวิ่งเล่นท่ามกลางแสงแดดอุ่น แต่ความจริงแล้วกลับแฝงความหมายด้านมืดเหมือนกับสาวกที่มาเข้าร่วมกับ โจนส์ ในเริ่มแรกที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาและความหวัง แต่สุดท้ายก็พลิกผันดำมืดเมื่อต้องมาพบกับจุดจบที่แสนโศกสลดนั่นเอง




  8. Yonkers จาก ไทเลอร์ เดอะ ครีเอทเตอร์ (Tyler the Creator)

          สำหรับเพลงนี้ไทม์ถึงกับออกตัวก่อนเลยว่า อาจไม่เหมาะสำหรับนั่งฟังชิล ๆ ที่บ้าน ฟังขณะขับรถ หรือแม้กระทั่งเปิดเพื่อแดนซ์ เพราะ "Yonkers" จาก ไทเลอร์ แร็ปเปอร์หนุ่มวัย 20 ปี มีเนื้อหาค่อนข้างจะโฉ่งฉ่างและรุนแรงไปสักหน่อย การฟังเพื่อความสนุกจึงไม่ใช่เป้าหมายของเพลงนี้ นอกจากนี้นักฟังทั้งหลายยังกล่าวว่า ด้วยการถ่ายทอดอารมณ์อย่างตรงไปตรงมา ช่างเหมือนกับศิลปินที่ใส่ความรู้สึกและจิตวิญญาณลงไปในผลงาน "Yonkers" จึงน่าจะจัดเป็นผลงานศิลป์แบบศิลปะแสดง หรือเพอร์ฟอร์แมนซ์ อาร์ต (performance art) เสียมากกว่า หากแต่มันก็เป็นเพลงที่เปิดแนวใหม่ให้กับตลาดแพลงแนวแร็ป-ฮิปฮอป และเป็นการเรียกอารมณ์เพลงแบบพังค์กลับมาด้วย




  9. Cruel จาก เซนต์ วินเซนต์ (St. Vincent)

          การผสมผสานดนตรีแนวต่าง ๆ เข้าด้วยกันให้กลายเป็นเพลง ดูท่าจะเป็นความสามารถเฉพาะตัวของสาว แอนนี่ คลาร์ก หรือที่รู้จักกันในชื่อ เซนต์ วินเซนต์ เพราะเพลง "Cruel" ของเธอผสมผสานไปด้วยดนตรีแนวร็อก ดิสโก้ และ บาโรกป๊อบ ทั้งยังทำออกมาสดใส แปลกใหม่ดีด้วยนะ





  10. Pumped Up Kicks จาก ฟอสเตอร์ เดอะ พีเพิล (Foster the People)

          ไม่บอกใครจะไปเชื่อว่าเพลงมัน ๆ จังหวะสนุกสนานชวนขยับเนื้อขยับตัวตามอย่าง "Pumped Up Kicks" จะมีเนื้อหาหนักหนารุนแรง อิงเหตุการณ์ที่เด็กนักเรียนไล่ถือปืนกราดยิงเพื่อน ๆ ซึ่งในเพลงนี้คือพ่อหนุ่มโรเบิร์ต ที่อยากมีรองเท้าเจ๋ง ๆ ใส่เหมือนเพื่อน แต่กลับไม่มี เลยป่าวประกาศว่าใครก็ตามที่มีรองเท้ารุ่นเจ๋งนี้ จงวิ่งหนีไปให้ไกลจากปลายกระปอกปืนของเขา ก่อนที่จะโดนสอย และนอกจากเนื้อเพลงจะแหวกแนวจากเพลงอื่น ๆ ในตลาดแล้ว การมิกซ์เพลงสุดมัน ชวนแดนซ์ให้ขยับศีรษะตามนี้ ยังถูกใจนักฟังวัยรุ่นกันทั่วบ้านทั่วเมือง ก็เลยได้ไต่บิลบอร์ดชาร์ตกันเป็นว่าเล่นเลยทีเดียวล่ะ

          และนี่ก็คือ 10 สุดยอดเพลงแห่งปี 2011 จากไทม์ มีเพลงไหนถูกใจ เพลงไหนโปรดปรานกันบ้างหรือเปล่าจ๊ะ ^^


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 สุดยอดเพลงแห่งปี 2011 จากไทม์ อัปเดตล่าสุด 28 ธันวาคม 2554 เวลา 14:40:56 5,055 อ่าน
TOP