เปิดใจ ปอยฝ้าย มาลัยพร ในวู้ดดี้เกิดมาคุย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube, วูดดี้เกิดมาคุย

          นาทีนี้หากใครบอกว่าไม่รู้จัก "ปอยฝ้าย มาลัยพร" หมอลำชื่อดังเจ้าของเพลง "มันต้องถอน" ต้องนับว่าเชยสุด ๆ เพราะวันนี้ไม่ว่าจะไปแห่งหนตำบลใด ล้วนต้องได้ยินเพลงนี้เข้าหูกันแทบทั้งนั้น ซึ่งกว่าที่หนุ่มอีสานคนนี้ จะก้าวมามีชื่อเสียงระดับประเทศได้ เขาต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย และวันนี้ ปอยฝ้าย มาลัยพร ยอมมาเปิดอกให้หนุ่มวู้ดดี้ ล้วงลึกแล้ว

          ปอยฝ้าย มาลัยพร หรือ ดวงจันทร์ มาลัย ถือกำเนิดมาในครอบครัวชาวนา จังหวัดหนองคาย เมื่อ 34 ปีก่อน แต่ด้วยความที่ครอบครัวยากจน ปอยฝ้าย มาลัยพร จึงต้องบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย จังหวัดอุดรธานี ซึ่งตั้งแต่เด็ก ๆ ปอยฝ้าย มาลัยพร มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นนักร้องหมอลำให้ได้ตามแบบอย่าง "เอ๋ พจนา" สุดยอดนักร้องลูกทุ่งหมอลำที่เรียกได้ว่า เป็นไอดอลของ ปอยฝ้าย มาลัยพร ในขณะนั้นก็ว่าได้

          จนกระทั่งอายุ 18 ปี ปอยฝ้าย มาลัยพร ซึ่งแม้จะยังบวชอยู่ ก็ได้นุ่งจีวรเดินเข้าไปสมัครเป็นนักร้องในวงเสียงอีสาน ซึ่งเป็นคณะลูกทุ่งหมอลำชื่อดังในสมัยนั้น ก่อนจะสึกและได้เข้ามาอยู่ในวงเสียงอีสานสมใจ พร้อมกับชื่อใหม่ว่า "ปอยฝ้าย มาลัยพร"

          ในช่วงเวลาแรกที่ ปอยฝ้าย มาลัยพร อยู่ในวงเสียงอีสานนั้น เขาค่อย ๆ ไต่เต้าจากการเป็นนักร้องประดับวง และร้องต่อกลอนหมอลำ สร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ชมมากมาย จนกระทั่งอีก 4 ปีถัดมา ปอยฝ้าย มาลัยพร ก็ได้เป็นนักร้องสมใจ พร้อมกับมีอัลบั้มแรกเป็นของตัวเองแต่ทว่า เสียงตอบรับไม่ได้ดังใจหวัง จนทำให้ ปอยฝ้าย มาลัยพร เริ่มรู้สึกท้อกับชีวิต

          แต่แล้วโอกาสของ ปอยฝ้าย มาลัยพร ก็มาถึง เมื่อเพลง "ตลกอกหัก" ของ ปอยฝ้าย มาลัยพร ซึ่งเป็นเพลงแถมท้ายในอัลบั้มที่ 4 กลับส่งให้ชื่อของ ปอยฝ้าย มาลัยพร โด่งดังไปทั่วภูธร จากนั้นพรสวรรค์ของปอยฝ้าย มาลัยพร ก็เริ่มฉายแววขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเพลง "กะเทยประท้วง" และ "มันต้องถอน" ในอัลบั้มต่อ ๆ มา จะส่งให้ชื่อของ ปอยฝ้าย มาลัยพร ดังเปรี้ยงจนฉุดไม่อยู่ กลายเป็นนักร้องหมอลำชื่อดังระดับประเทศไปในบัดดล

          โดยปอยฝ้าย เล่าว่าก่อนที่จะก้าวมาถึงจุดนี้ เขาต้องถูกคนดูถูก หาว่าแต่งตัวสกปรก เสแสร้ง อะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่เขาก็ยอมรับว่า ตัวเองก็มีความสุขที่ได้แต่งตัวพิสดารขึ้นเวที และได้ร้องเพลงอันเป็นสิ่งที่เขารักมากที่สุดนั่นเอง

          อย่างไรก็ตาม ภาพที่ดูคล้ายกะเทยของ ปอยฝ้าย มาลัยพร จากที่แฟนเพลงเห็นผ่านโทรทัศน์ หรือมิวสิควีดิโอ ก็ทำให้แฟนเพลง รวมทั้งคนทั่ว ๆ ไปอดสงสัยไม่ได้ว่า ตัวตนของเขาเองจริง ๆ แล้ว ชอบทำกระตุ้งกระติ้ง หรือพูดง่าย ๆ ว่า เป็นกะเทย หรือเกย์ อย่างเช่นในมิวสิควีดิโอหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เคลียร์ทันทีว่า ภาพที่เห็นไม่ใช่ตัวตนของเขาเอง แต่เป็นเพียงการแสดงไปตามอารมณ์เพลงเท่านั้น

          นอกจากนี้ ปอยฝ้าย ยังเผยความในใจลึก ๆ ให้ฟังด้วยว่า แม้ว่าตอนนี้เขาจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียง แต่ก็ไม่ได้หลงระเริง หรือหยิ่งแต่อย่างใด และแม้ว่าชื่อเสียงเหล่านั้นจะนำมาซึ่งแฟนเพลงมากมาย และเงินทองดังใจปรารถนา แต่เขากลับรู้สึกเสียใจมากที่ไม่ค่อยมีเวลากลับไปดูแลแม่ที่บ้าน นี่เองจึงทำให้เขารู้สึกได้เลยว่า การมีชื่อเสียงเงินทอง ไม่สามารถแลกกับความรู้สึกใด ๆ ที่ไม่ได้เข้าไปใกล้ชิด เข้าไปดูแลแม่ได้เลย

          และนี่ก็คือเรื่องราวชีวิตส่วนหนึ่งของ ปอยฝ้าย มาลัยพร ที่สามารถไขว่คว้าโอกาส และเดินตามความฝันของตัวเอง จนประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองรักได้ในที่สุด