เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย CiNNtv1
"ก็เพราะทุกอย่าง ที่เธอเคยได้ทำ นั้นเปลี่ยนใจที่เคยบอบช้ำ" เชื่อว่า.. หลาย ๆ คนคงจะจำบทเพลงซึ้ง ๆ ความหมายดีอย่างเพลง "ทุกสิ่ง" ของ "น้อย วงพรู" กันได้ใช่ไหมค่ะ นอกจากน้ำเสียงนุ่ม ๆ กับอารมณ์ในการร้องเพลงที่ลึกซึ่งไม่เหมือนใครแล้ว ลีลาท่าทางในการโชว์บนเวทีของ "น้อย วงพรู" ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเขาเลยก็ว่าได้ ... ไม่ว่าจะเป็นท่าเต้นบัลเล่ต์ ท่าสะบัดหัว หรือท่าหมุนตัวโชว์ ที่กลายเป็นโลโก้ของ "น้อย วงพรู" จนแฟน ๆ จดจำมาได้จนถึงทุกวันนี้...
แต่เมื่อช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลงานเพลงของ "น้อย วงพรู" กลับไม่มีมาให้แฟน ๆ ได้เห็นกันเลย จนแฟน ๆ ถามไถ่ถึง "น้อย วงพรู" กันอย่างมากมาย ว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่ แล้วเมื่อไรจะมีผลงานมาให้ได้ฟังกันอีก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ "น้อย วงพรู" กล่าวว่า ตอนนี้ตนเบนเข็มไปทำธุรกิจของทางบ้านอย่างเต็มตัว โดยเป็นโรงแรมใหม่ ที่ตนเป็นคนออกคอนเซ็ปต์ ออกไอเดียเองทั้งหมด ซึ่งเป็นโรงแรมที่แปลกแหนกแนวไม่เหมือนใคร สร้างที่แถบเมืองเก่า คาดว่าในเร็ว ๆ นี้น่าจะได้เห็นกัน
ถ้าถามว่า ตนจะกลับมาทำงานในวงการเพลงอีกหรือไม่... น้อย วงพรู กล่าวว่า จริง ๆ แล้ว ตนไม่มีไฟเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เพราะได้เข้าไปช่วยครอบครัวอย่างเต็มที่ ยอมรับว่า "หมดไฟ" ในการทำงานเพลง ซึ่งการที่ตนลงมือทำอะไรแล้ว ต้องอาศัยความอยาก และออกมาจากใจจริง ๆ ส่วนงานเพลงนั้น คงต้องรอต่อไป ว่า "ไฟ" จะมาอีกทีเมื่อไร ..
นักร้องหนุ่ม กล่าวต่อว่า ตนยังเหลือโปรเจ็คท์เพลงอีกหนึ่งงาน ที่ทำร่วมกับ บอย ตรัย , แสตมป์ , โป้ โยคี เพลย์บอย , บอย โกสิยพงษ์ , พี่ดี้ นิติพงษ์ ส่วนตนนั้นเป็นเพลงที่ได้ร้องร่วมกับคุณแม่ (กมลา สุโกศล) ซึ่งคาดว่าจะมีให้ได้ฟังกันในเร็ว ๆ นี้ แต่งานเพลงอัลบั้มเดี่ยวของตน ตอนนี้ยังไม่โปรเจ็คท์ใด ๆ อยู่ในหัวเลย เพราะทุ่มเทให้กับทางครอบครัวหมดแล้ว
น้อย วงพรู ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนยังมีงานแสดงภาพยนตร์ ที่จ่อคิวเข้าฉายในปีนี้ โดยเป็นเรื่องราวของเหล่าอันธพาลยุคแดง ไบเล่ เนื้อหาค่อนข้างแรง แต่สนุกและท้าทายมาก เพราะตนได้ยิง แทง ฟัน และได้ฆ่าพี่ออฟ พงษ์พัฒน์ ก็ฝากขอให้ทุกคนติดตามกันด้วย
สำหรับ "น้อย วงพรู" มีชื่อจริงว่า กฤษดา สุโกศล เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เรียนจบด้านมนุษยวิทยาจาก มหาวิทยาลัยบอสตัน และได้ศึกษาด้านการแสดงพร้อม ๆ กันด้วย อีกทั้งหลังเรียนจบ "น้อย วงพรู" ได้เป็นนักแสดงตามเวที และสถานที่เล็ก ๆ ในนิวยอร์ก จากนั้นเมื่อกลับมาอยู่ประเทศไทย ก็เลยมาทำเพลงกับพี่ชาย โดยใช้ชื่อว่าว่า "พรู"
ส่วนผลงานการแสดงนั้น "น้อย วงพรู" ประเดิมภาพยนตร์เรื่องแรกในเรื่อง "คนกราบหมา" (2539) ตามมาด้วย หัวใจทรนง (2547) ทวารยังหวานอยู่ (2547) และ 13 เกมสยอง (2549) ซึ่งในเรื่อง 13 เกมสยอง นี่เองที่ทำให้ "น้อย วงพรู" ได้รับรางวัลผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ประจำปี 2549 และรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง และหลังจากนั้นเขาก็มีผลงานภาพยนตร์อีก 3 เรื่องคือ ความสุขของกะทิ, ณ ขณะรัก และหลวงพี่เท่ง
ถึงแม้ว่า "น้อย วงพรู" จะหมดไฟในการทำงานเพลง ยังไม่มีแผนทำอัลบั้มมาให้แฟน ๆ ได้ฟังกันในเร็ว ๆ นี้ แต่ "น้อย วงพรู" ก็ยังมีโปรเจ็คท์เพลงร่วมกับเพื่อน ๆ รวมไปถึงผลงานภาพยนตร์ ที่จะฉายในปีนี้ ให้แฟน ๆ ได้หายคิดถึงกันนะจ๊ะ ^ ^
น้อย วงพรู หมดไฟทำงานเพลง เบนเข็มทำธุรกิจ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
