x close

คุยกับ แก๊ป ทีโบน เร็กเก้-สกา รุ่นบุกเบิกของเพลงไทย







เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก นิตยสาร BE

          ดูเหมือนว่ากระแสของวงดนตรีแนวเร็กเก้-สกา จะดังฉุด ๆ สุดไม่อยู่ในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ เพราะมีศิลปินแนวนี้ก้าวเข้ามาสู่วงการเพลงและได้รับความนิยมมากมาย แต่ถ้าถามกลับไปว่า หากพูดถึงวงดนตรีแนวเร็กเก้-สกา ที่เคยมีผลงานโด่งดังในอดีต คุณจะนึกถึงใคร??? ใช่แล้ว เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ต้องนึกถึงพวกเขา เจ้าของเพลงฮิต "เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม" 9 หนุ่ม วง "ทีโบน" นั่นเอง

          เป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว ที่ "วงทีโบน" ฝากผลงานไว้กับวงการเพลงเมืองไทย ด้วยความแปลกใหม่เพราะจัดเป็นวงดนตรีแนวเร็กเก้-สกา วงแรก ๆ ของประเทศไทยเลยทีเดียว นำทีมโดยนักร้องนำอย่าง "แก๊ป เจษฎา ธีระภินันท์" ที่ได้รับคำชักชวนจาก คุณประภาส ชลศรานนท์ เมื่อปี พ.ศ.2535 ว่า "สนใจเป็นซูเปอร์สตาร์มั้ย?" และเมื่อพวกเขาตอบรับคำชวนไม่นาน "ทีโบน" ก็กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ และมีผลงานตามมาอีกหลายอัลบั้ม แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป วงดนตรีรุ่นใหม่ ๆ เกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องน่าสนใจที่ "แก๊ป เจษฎา" ในฐานะนักดนตรีสุดแนวแห่งยุค (นั้น) จะมาพูดถึงความเปลี่ยนไปของวงดนตรีสมัยนี้ ผ่าน บทสัมภาษณ์ในนิตยสาร BE 

          เริ่มต้นการสนทนา แก๊ป ถูกถามก่อนเลยว่า การเป็นศิลปินในสมัยก่อนต้องฝ่าฟันกับอะไรมากน้อยขนาดไหน ซึ่ง แก๊ป ก็บอกว่า สำหรับเขา และวงทีโบนไม่ถึงกับต้องฝ่าฟันมาก เพราะอยู่ในรุ่นที่มีอะไรที่คนอื่นทำมาให้บ้างแล้ว ต่างกับยุคของอัสนี-วสันต์ ที่ต้องถือว่าเป็นสุดยอดของนักต่อสู้จริง ๆ ส่วนพวกเขา สมัยนั้นยังไม่มีคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าอยากเล่นเพลงบลู เพลงโซล ก็ต้องไปเดินหาเทปพีค็อกที่มีขายอยู่ตามคลองถม มาเล่นเอา เพราะไม่งั้นก็คงไม่รู้จะไปหาที่ไหน ซึ่งการที่ต้องลงไปเดินหาเอง พอได้แล้วก็จะเกิดความรู้สึกว่า "โอ้โหกว่าจะได้เนี่ยมันยาก" ต่างกับสมัยนี้ที่มีคอมพิวเตอร์ ทำให้ขาดเรื่องความอดทนไป

          "อย่างตอนนี้ จริงอยู่ใครก็ทำเพลงได้ เด็ก ๆ ทำเพลงได้ ตัดหนังได้ด้วยเทคโนโลยี คราวนี้สิ่งที่ขาดหายไปคือความอุตสาหะ ความพยายามเนี่ยที่เราขาดหายไป ถ้าผมเกิดในยุคนี้นะโอ้โหตาย ผมว่านะ ผมถึงยังอยู่ได้ เพราะความคิดผมมันยังไม่จบนะ แล้วเทคโนโลยีมันมาถึงแล้ว วันนี้ผมโคตรสนุกเลยในการค้นหาสิ่งที่ผมยังไม่รู้อีกเยอะแยะ" แก๊ป บอก



          และด้วยความที่ "ทีโบน" รวมตัวกันมานานกว่า 20 ปี อะไรที่ทำให้สมาชิกทั้ง 9 คน เกิดความเหนียวแน่นจนถึงทุกวันนี้ แก๊ป ได้บอกว่า เพราะทุกคนมีความรับผิดชอบ แม้ว่าทีโบนจะเป็นแค่งาน hobby สำหรับทุกคนที่มีงานประจำอยู่แล้ว แต่การที่ต้องรวมวงไปด้วย ทำงานประจำไปด้วย ความรับผิดชอบจึงต้องสูงมาก และต้องสูงกว่างานประจำด้วย ที่สำคัญคือ ทุกคนเสียสละ เมื่อเห็นว่าเพื่อนให้เราขนาดนี้ เราต้องรู้ว่าเราจะทำอะไรให้เพื่อนบ้าง อาจจะสิบปียี่สิบปี แต่ต้องไม่หักหลังเพื่อนไปรับงานเดี่ยว ซึ่งจริง ๆ มันง่ายมากที่จะออกไปทำแบบนั้น และถ้าทำก็คงรวยไปแล้ว

          แก๊ป บอกต่อว่า หัวใจสำคัญของวงดนตรีก็คือต้องเป็นวง ไม่ใช่วงของใครคนเดียวแม้ว่าใครคนใดคนหนึ่งในวงจะเป็นคนตั้งวงขึ้นมา แต่หากคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่คิดถึงคนอื่น วงก็จะอยู่ไม่นาน เราต้องคิดว่า มันคือวิธีเลี้ยงคน ทำยังไงให้คนนี้อยู่กับเราได้นาน หรือเห็นในความสามารถของเขา แล้วดูแลเขาให้ดีที่สุด "อย่างเช่นสิ่งที่ผมทำก็คือ ไม่รับงานเดี่ยว ถ้าจะเอาผมก็ต้องเอาทั้งวงครับ สิบคนไหวไหมพี่ ผมบอกอย่างนี้"

          เมื่อถามถึงมุมมองที่ แก๊ป มีต่อวงการดนตรีไทยปัจจุบัน เจ้าตัวบอกว่า จริง ๆ วงการดนตรีไทยยุคนี้มีตัวเลือกมาก แต่ภาครัฐยังให้การสนับสนุนน้อยเกินไป หลายวงที่ได้ไปเมืองนอก เป็นเพราะต่างชาติเขามาเห็นเอง แล้วชื่นชอบในฝีมือ แต่ภาครัฐกลับไม่ค่อยสนับสนุน อย่างเช่นเรื่องเครื่องดนตรีที่ภาษีแพงมาก หรือการขอสปอนเซอร์ก็ต้องพ่วงกันเป็นทอด ๆ ถ้าเห็นความสำคัญหน่อย จะช่วยพัฒนาวงการดนตรีไทยขึ้นอีกมาก

          "นักดนตรีบ้านเราเก่งหลายคน แต่ก็ไม่ได้ส่งเสริมเขาในด้านนี้ให้ชัด แต่กลับว่าทุกคนก็ชอบ AF ใช่ไหม ชอบนักร้องแบบนั้น แล้วก็เป็นความฝันของเด็ก ๆ วัยรุ่นหลายคนที่อยากเข้าวงการ ผมก็จะบอกว่ามันก็ อันนั้นคือก้าวแรกของการเป็นดารามากกว่าการเป็นนักร้องที่ดี หรือนักดนตรีนะครับ อันนี้เวลาจะบอกคุณเองว่าคุณคือใคร แต่ถ้าถามผมก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะผมคิดว่ามันไร้สาระ (หัวเราะ)"

          นอกจากนั้นแล้ว แก๊ป ยังมองอีกว่า นักดนตรีสมัยนี้ที่ต้องปรับปรุงมาก ๆ คือเรื่องความรับผิดชอบ จากที่เขาได้เคยทำงานทั้งที่เมืองไทย และต่างประเทศ เห็นได้ชัดเจนว่า ความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญมาก ส่วนที่เมืองไทยตั้งแต่ที่เขาเริ่มเข้าวงการ มีทีมงานนัดถ่าย 11 โมง แต่กว่าจะถ่ายจริง ๆ เกือบบ่ายโมง ทีนี้หลัง ๆ คนก็จะเข้าใจกันว่า ถ้านัด 11 โมง คือจริง ๆ เริ่มบ่ายโมงใช่ไหม มันเลยกลายเป็นอย่างนั้นไป ดังนั้นต้องเน้นถึงเรื่องความรับผิดชอบให้มาก เพราะมันจะสอนให้รู้จักถึงการมีจรรยาบรรณด้วย




          วิเคราะห์ถึงวงการเพลงไทยยุคสมัยนี้กันไปแล้ว ขอย้อนกลับไปพูดถึงวงทีโบน กับ แนวเพลงเร็กเก้-สกา กันบ้าง ในเมื่อ แก๊ป ชื่นชอบเพลงแนวนี้มานานมากแล้ว อยากรู้ไหมว่า เพลงแนวเร็กเก้-สกา ให้ปรัชญาอะไรในการดำรงชีวิตของนักร้องนำวงทีโบนคนนี้บ้าง ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่าทุกอย่างมันต้องเรียนรู้เอง

          "สำหรับผมเพลงแนวนี้ให้อะไรเยอะ โดยส่วนตัวนะครับ คือที่วงมาเล่นอย่างนี้ส่วนหนึ่งมาจากผม ผมเป็นคนนำ เป็นคนที่อยู่ข้างหน้า เพราะฉะนั้น วงก็ถามแล้ว คุณถนัดที่จะเป็นอะไร แล้วชีวิต ผมใช้ชีวิตโดยการให้ชีวิตบอกว่าเราคืออะไร ไม่ใช่เราไปค้นหาว่าเราอยากเป็นอะไร พอชีวิตมันบอกว่าเราเป็นอะไร ทีนี้มันก็เกิดการเรียนรู้เองครับ สิ่งที่ผมมาเป็นตรงนี้ผมถือว่าผมฟลุคหมดเลยครับ มันเป็นมันเอง ก็เลยไม่รู้ว่ามันคืออะไร"

          แก๊ป ยังบอกอีกว่า สำหรับเขาแล้ว ดนตรีให้การมีชีวิตอยู่กับเขา ทำให้เกิดพลัง และทำให้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนล่องลอย แต่เอาความล่องลอยนั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ (หัวเราะ) เพราะบางทีต้องคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เพื่อสร้างงาน หรืออาจมีพฤติกรรมบางอย่างที่มันไม่ปกติ ดูไฮเปอร์กว่าปกติ แต่เขาถือว่าตัวเองโชคดีที่ได้ตรงนั้นมา แล้วรักษามันไว้ได้

          สำหรับวงทีโบนที่อยู่ในเส้นทางสายดนตรีมานานกว่า 20 ปี แน่นอนว่า ต้องให้อะไรดี ๆ กับสังคมไม่น้อย ซึ่ง แก๊ป ก็ยืนยันเช่นกันว่า วงทีโบนเป็นหนึ่งแรงที่สามารถสร้างสรรค์สังคมได้ เพราะอย่างแรกเลยคือ วงจะไม่เขียนเพลงงี่เง่าเด็ดขาด อย่างเขียนเพลงให้ฮิตได้สองสามเดือนไม่ทำ แล้วที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทุกอย่างที่ทำมา และมีอย่างทุกวันนี้ กว่าจะมีชื่อเสียง มันมาทีหลังทั้งหมด 

          "จริง ๆ แล้วผมควรจะออกอัลบั้มใหม่ตอนพีคสุด ๆ ใช่ไหม เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ผมไม่ทำ ผมมาออกปีนี้ ตอนนี้กำลังจะดาวน์แล้ว คนเบื่อแล้ว เพราะมันเยอะเกินไป คนก็จะเลือกล่ะว่าจะไปดูอะไร ซึ่งผมดีใจอย่างหนึ่งคืออย่างน้อยมีสาขาดนตรีประเภทหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้เราสามารถทำได้ในยุคโมเดิร์นด็อก เราก็จะมีเพลงแนวอินดี้เป็นแนวหนึ่งล่ะ ทีนี้มายุคโจอี้บอย เราก็มีแนวเพลงฮิปฮอปเกิดขึ้นในประเทศไทย ถึงวันนี้ก็น่าจะเป็นเวลาของผมแล้ว เพราะผมก็โตมาระดับหนึ่งในยุคก่อนก็เร็กเก้ สกา ไปใช่ไหมครับ"




          และสำหรับงานเพลงชุดใหม่ของ "ทีโบน" แก๊ป ก็บอกว่า ภูมิใจที่สุด เพราะได้สิ่งที่ควรจะเป็น หลังจากวงผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ซึ่งค่อนข้างจะดูจิ๊กโก๋ (หัวเราะ) และกำลังอิ่มตัวพอดี จึงอยากให้แฟน ๆ ลองฟังกันดูก่อน ถ้าชอบค่อยซื้อ หรือถ้าซื้อซีดีไม่ได้ ก็โหลดของจริงดีกว่า เพื่อให้วงทีโบนต่อสู้ต่อไปได้ ในท่ามกลางวิกฤติของวงการเพลงที่มีแต่แผ่นก็อปปี้ระบาด แต่ถึงกระนั้น แก๊ป ก็ยังมีมุมมองที่มีต่อแผ่นก็อปปี้อย่างน่าสนใจเหมือนกัน

          "หลายครั้งผมได้เซ็นชื่อให้กับแฟนเพลงในอัลบั้มก็อปปี้ วันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ ผมเซ็นโดยที่ไม่พูดอะไรเลย เพราะผมไม่อยากทำร้ายน้ำใจเขา เอ้อ! แล้วผมก็รู้สึกว่า ทำไมงานที่ผมสร้างเนี่ยมันไม่ได้เลี้ยงตัวผมได้นะ หมายถึงว่าตัวงานน่าจะเลี้ยงเราได้ เหมือนว่าเราเอาเพลงมาเล่นในร้าน แล้วรับเงินกลับบ้าน แต่มันเป็นรายได้ของคนที่มีอาชีพนี้มันควรจะได้จากยอดขาย ซึ่งตรงนั้นไม่ค่อยได้มาเลี้ยงผมเลยหลาย ๆ ชุด (หัวเราะ) ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ เราอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จในตอนนั้น แต่วันเวลาผ่านมาแล้ว พอไปเล่นตามคอนเสิร์ตเห็นคนร้องเพลงได้ เราจะรู้สึกแปลก ๆ ว่า โหร้องกันได้ทั้งงานเลย บางอันก็คิดไม่ถึงว่าเขาร้องได้ด้วย สำหรับครั้งนี้ ก็อยากให้สนับสนุนของจริงกัน เพราะมันเหมือนกับว่าทำได้จนถึงที่สุดแล้วชุดนี้ แต่จริง ๆ หมดแรง (หัวเราะ)"

          แม้ว่าหลายคนจะมองว่า ดนตรีแนวเร็กเก้-สกา กำลังถึงจุดอิ่มตัว แต่วงทีโบน ผู้บุกเบิกดนตรีแนวนี้ในเมืองไทยก็ขอลองสู้กับกระแสที่ใคร ๆ มองว่าอิ่มตัวดูสักตั้ง เพราะของอย่างนี้จะดีหรือไม่อย่างไร มันต้องพิสูจน์กันที่ผลงานจริงไหม?


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นิตยสาร BE ฉบับที่ 30

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คุยกับ แก๊ป ทีโบน เร็กเก้-สกา รุ่นบุกเบิกของเพลงไทย อัปเดตล่าสุด 25 ธันวาคม 2554 เวลา 14:49:03 1,219 อ่าน
TOP